ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จีน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ จีน แสดงบทความทั้งหมด

ทีมนักวิจัยระบุว่า พบ ไข่ไดโนเสาร์มีสภาพสมบูรณ์เพราะอาจถูกฝังอยู่ใต้โคลนที่ถล่มลงมา ช่วยให้รอดพ้นจากสัตว์กินซากต่าง ๆ



ทีมนักวิจัยระบุว่าพบ ไข่ไดโนเสาร์มีสภาพสมบูรณ์เพราะอาจถูกฝังอยู่ใต้โคลนที่ถล่มลงมา ช่วยให้รอดพ้นจากสัตว์กินซากต่าง ๆ

ดร.ฟิออน ไวซัม หม่า หนึ่งในทีมศึกษาเรื่องนี้กล่าวว่า มันคือ "ตัวอ่อนไดโนเสาร์สภาพสมบูรณ์ที่สุดที่มีการค้นพบในประวัติศาสตร์"

การค้นพบครั้งนี้ช่วยให้ทีมวิจัยได้มีความรู้ความเข้าใจมากยิ่งขึ้นถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างไดโนเสาร์กับสัตว์ปีกในยุคปัจจุบัน โดนฟอสซิลเผยให้เห็นว่า ตัวอ่อนอยู่ในท่า "ขดตัว" ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้ในสัตว์ปีกก่อนที่จะฟักออกจากไข่

ดร. หม่า เผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า "นี่บ่งชี้ว่า พฤติกรรมในสัตว์ปีกยุคใหม่มีวิวัฒนาการและต้นกำเนิดมาจากบรรพบุรุษไดโนเสาร์ของพวกมัก"

ทีมนักวิทยาศาสตร์ในจีนประกาศข่าวการค้นพบฟอสซิลตัวอ่อนไดโนเสาร์ในสภาพสมบูรณ์ โดยอยู่ในลักษณะเตรียมฟักออกจากไข่เหมือนกับไก่ ช่วยให้เราได้เข้าใจยิ่งขึ้นถึงความเชื่อมโยงระหว่างไดโนเสาร์กับสัตว์ปีกในปัจจุบัน

ตัวอ่อนไดโนเสาร์นี้ถูกค้นพบในเมืองก้านโจว ทางภาคใต้ของจีน และทีมนักวิจัยประเมินว่ามันมีอายุอย่างน้อย 66 ล้านปี โดยมีความยาวตั้งแต่หัวถึงหาง 27 ซม. และนอนอยู่ในไข่ยาว 17 ซม.

เชื่อกันว่ามันคือได้โนเสาร์เทโรพอดไร้ฟัน หรือ "โอวิแรปโทโรซอร์" (oviraptorosaur) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อให้มันว่า "เบบี้ หยิงเหลียง

โอวิแรปโทโรซอร์ ซึ่งมีความหมายว่า "สัตว์เลื้อยคลานจอมขโมยไข่" คือไดโนเสาร์มีขนที่เคยมีชีวิตอยู่ในเอเชีย และอเมริกาเหนือ ในยุคครีเทเชียสตอนปลาย ระหว่าง 100 - 66 ล้านปีก่อน


ศาสตราจารย์ สตีฟ บรูแซตต์ นักบรรพชีวินวิทยา หนึ่งในทีมวิจัยครั้งนี้ได้โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ว่า นี่คือ "หนึ่งในฟอสซิลไดโนเสาร์ที่น่าตื่นตาที่สุด" ที่เขาเคยเห็น และตัวอ่อนอยู่ในสภาพใกล้จะฟักออกจากไข่

"เบบี้ หยิงเหลียง" ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2000 และถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติหยิงเหลียง สโตน ในจีนอยู่นานถึง 10 ปี จนกระทั่งมีการก่อสร้างที่พิพิธภัณฑ์ จึงทำให้มีการนำฟอสซิลที่เก็บรักษาไว้ออกมาจัดหมวดหมู่ใหม่ และทีมนักวิจัยได้ไปสะดุดตากับฟอสซิลไข่นี้ ซึ่งพวกเขาสันนิษฐานว่าอาจมีตัวอ่อนไดโนเสาร์อยู่ด้านใน โดยจากนี้พวกเขามีแผนจะใช้เทคนิคการสแกนที่ล้ำสมัยเพื่อสร้างภาพจากโครงกระดูกที่สมบูรณ์ของมันต่อไป

รู้ไหมจริง ๆ แล้ว อังกฤษไม่เคยเช่าฮ่องกง 99 ปี


รู้ไหมจริง ๆ แล้ว อังกฤษไม่เคยเช่าฮ่องกง 99 ปี

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินหรือรู้มาว่า ฮ่องกงเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ โดบที่อังกฤษได้เช่าฮ่องกงเป็นเวลานานถึง 99 ปี ก่อนที่อังกฤษจะส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีนในปี 1997 แต่รู้ไหมว่า ความจริงแล้วมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นซะทีเดียว

หลังจากที่ราชวงศ์ชิงของจีนรบแพ้อังกฤษในสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (1839-1842) ได้ทำให้จีนสูญเสียเกาะฮ่องกง (Hong Kong Island) ให้กับอังกฤษจากผลของสนธิสัญญานานกิง ซึ่งเกาะฮ่องกงที่อังกฤษได้มานั้น ไม่ได้มีลักษณะเป็นการเช่าดินแดน แต่เป็นการที่จีนสูญเสียอธิปไตยของเกาะฮ่องกงอย่างสิ้นเชิงให้กับอังกฤษ


ต่อมาเมื่อจีนแพ้อีกครั้งในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (1856-1860) อังกฤษก็ได้คาบสมุทรเกาลูน (Kowloon Peninsula) ทางตอนเหนือของเกาะฮ่องกงมาเพิ่มอีก

พอถึงปี 1898 อังกฤษก็ได้กดดันให้จีนมอบดินแดนเพิ่มเติมให้กับอังกฤษอีก ซึ่งสุดท้ายจีนก็ได้มอบพื้นที่ที่เรียกว่า นิวเทริทอรี (New Territories) ที่เป็นพื้นที่ตอนเหนือของคาบสมุทรเกาลูน และเกาะลันเตา (Lantau Island) ทางตะวันตกของเกาะฮ่องกง

โดยพื้นที่นิวเทริทอรี อังกฤษก็ได้มาในลักษณะของการเช่าเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 99 ปี และต้องส่งมอบคืนให้จีนในปี 1997 

ดังนั้นเรื่องที่ว่าอังกฤษเช่าฮ่องกงเป็นเวลา 99 ปีจึงไม่จริงแต่อย่างใด เพราะอังกฤษเช่าเฉพาะพื้นที่นิวเทริทอรีเท่านั้น (ที่มีสัดส่วนพื้นที่ถึง 90% ของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงในปัจจุบัน) ส่วนเกาะฮ่องกงกับคาบสมุทรเกาลูน เป็นดินแดนที่อังกฤษได้มาโดยตรง


และเมื่ออังกฤษหมดสัญญาเช่าและต้องส่งคืนนิวเทริทอรีให้กับจีน ด้วยความที่นิวเทริทอรี คาบสมุทรเกาลูน และเกาะฮ่องกงได้รวมตัวกันเป็นเวลายาวนาน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงและตัดกันไม่ขาด ดังนั้นอังกฤษจึงคืนดินแดนทั้งสามส่วนนี้ให้กับจีนไปเลยในทีเดียว 

แผนที่ของฮ่องกง ที่ประกอบไปด้วยเกาะฮ่องกง คาบสมุทรเกาลูน (อังกฤษได้มาโดยตรง) และนิวเทริทอรี อังกฤษเช่า 99 ปี

รู้ไหมจริง ๆ แล้ว อังกฤษไม่เคยเช่าฮ่องกง 99 ปี


รู้ไหมจริง ๆ แล้ว อังกฤษไม่เคยเช่าฮ่องกง 99 ปี

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินหรือรู้มาว่า ฮ่องกงเคยตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ โดบที่อังกฤษได้เช่าฮ่องกงเป็นเวลานานถึง 99 ปี ก่อนที่อังกฤษจะส่งมอบฮ่องกงคืนให้กับจีนในปี 1997 แต่รู้ไหมว่า ความจริงแล้วมันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นซะทีเดียว

หลังจากที่ราชวงศ์ชิงของจีนรบแพ้อังกฤษในสงครามฝิ่นครั้งที่หนึ่ง (1839-1842) ได้ทำให้จีนสูญเสียเกาะฮ่องกง (Hong Kong Island) ให้กับอังกฤษจากผลของสนธิสัญญานานกิง ซึ่งเกาะฮ่องกงที่อังกฤษได้มานั้น ไม่ได้มีลักษณะเป็นการเช่าดินแดน แต่เป็นการที่จีนสูญเสียอธิปไตยของเกาะฮ่องกงอย่างสิ้นเชิงให้กับอังกฤษ


ต่อมาเมื่อจีนแพ้อีกครั้งในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (1856-1860) อังกฤษก็ได้คาบสมุทรเกาลูน (Kowloon Peninsula) ทางตอนเหนือของเกาะฮ่องกงมาเพิ่มอีก

พอถึงปี 1898 อังกฤษก็ได้กดดันให้จีนมอบดินแดนเพิ่มเติมให้กับอังกฤษอีก ซึ่งสุดท้ายจีนก็ได้มอบพื้นที่ที่เรียกว่า นิวเทริทอรี (New Territories) ที่เป็นพื้นที่ตอนเหนือของคาบสมุทรเกาลูน และเกาะลันเตา (Lantau Island) ทางตะวันตกของเกาะฮ่องกง

โดยพื้นที่นิวเทริทอรี อังกฤษก็ได้มาในลักษณะของการเช่าเป็นระยะเวลาทั้งสิ้น 99 ปี และต้องส่งมอบคืนให้จีนในปี 1997 

ดังนั้นเรื่องที่ว่าอังกฤษเช่าฮ่องกงเป็นเวลา 99 ปีจึงไม่จริงแต่อย่างใด เพราะอังกฤษเช่าเฉพาะพื้นที่นิวเทริทอรีเท่านั้น (ที่มีสัดส่วนพื้นที่ถึง 90% ของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงในปัจจุบัน) ส่วนเกาะฮ่องกงกับคาบสมุทรเกาลูน เป็นดินแดนที่อังกฤษได้มาโดยตรง


และเมื่ออังกฤษหมดสัญญาเช่าและต้องส่งคืนนิวเทริทอรีให้กับจีน ด้วยความที่นิวเทริทอรี คาบสมุทรเกาลูน และเกาะฮ่องกงได้รวมตัวกันเป็นเวลายาวนาน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงและตัดกันไม่ขาด ดังนั้นอังกฤษจึงคืนดินแดนทั้งสามส่วนนี้ให้กับจีนไปเลยในทีเดียว 

แผนที่ของฮ่องกง ที่ประกอบไปด้วยเกาะฮ่องกง คาบสมุทรเกาลูน (อังกฤษได้มาโดยตรง) และนิวเทริทอรี อังกฤษเช่า 99 ปี

รู้หรือไม่ต้นกำเนิดซินเดอเรลลามาจากจีน และนี่คือนางซินเวอร์ชันจีนที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน


รู้หรือไม่ต้นกำเนิดซินเดอเรลลามาจากจีน และนี่คือนางซินเวอร์ชันจีนที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

คุณเคยดูงิ้วไหมครับนั่นแหละครับคือต้นกำเนิดซินเดอเรลล่าจีนต้นฉบับเลย
มีงิ้วนำเสนอเรื่องซินเดอเรลล่าต้นฉบับจีนนี้หลายลักษณะด้วยกันครับแต่วันนี้จะมานำเสนอเกี่ยวกับซินเดอเรลล่าอีกมุมมองหนึ่งน่าจะคล้ายๆกับของต่างประเทศนะครับเนื้อเรื่องก็แตกต่างกันเล็กน้อยเรามาดูกันเลยดีกว่าครับ

เชื่อว่าเกือบทุกคนบนโลกต้องเคยฟังนิทานเรื่องซินเดอเรลลามาอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต แต่สิ่งที่เราไม่เคยรู้ก็คือต้นกำเนิดของซินเดอเรลลาแท้จริงแล้วมาจากไหน ว่ากันว่าต้นกำเนิดที่เก่าแก่ที่สุดมาจากเรื่อง Rhodopis ที่ถูกเล่าโดย 

สตราโบ เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน 
โดยเป็นเรื่องของทาสสาวชาวอิยิปต์ที่แต่งงานกับกษัตริย์ชาวกรีก แต่ถ้าเป็นตำนานซินเดอเรลลาในเอเชียที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏขึ้นที่ประเทศจีนเมื่อพันกว่าปีก่อน

เรื่องนี้เกิดขึ้นในระหว่างราชวงศ์ฉินและราชวงศ์ฮั่น โดยเป็นเรื่องราวของหัวหน้าหมู่บ้านนามว่า หวู่ตง ที่แต่งงานมีภรรยา 2 คน และต่างคนก็ต่างมีลูกสาว โดยลูกสาวของภรรยาคนหนึ่งมีชื่อว่า เย่เซี่่ยน เธอเป็นคนสวย จิตใจดี อ่อนโยน และอ่อนน้อมถ่อมตน จนทำให้หวู่ตงรักลูกสาวคนนี้มาก จนกระทั่งแม่ของเย่เซี่ยนได้เสียชีวิตลง ยิ่งทำให้เขารักลูกสาวคนนี้มากขึ้นไปอีก

เมื่อเย่เซี่ยนโตเป็นสาวได้ไม่นาน หวู่ตงก็ได้จากโลกนี้ไปจนทำให้หญิงสาวต้องอยู่ในความดูแลของแม่เลี้ยงที่เป็นภรรยาอีกคน แต่สถานะของเย่เซี่ยนไม่เหมือนเดิมแล้วตอนนี้ เพราะเธอโดนแม่เลี้ยงและพี่สาวกดขี่ข่มเหง และให้เธอทำหน้าที่เสมือนคนรับใช้ภายในบ้าน เนื่องจากทั้งคู่อิจฉาเย่เซี่ยนที่มีหน้าตาสละสวย

เย่เซี่ยนต้องอยู่กับแม่เลี้ยงของเธอด้วยความทุกข์ระทม สิ่งเดียวที่เป็นเพื่อนของเธอคือปลาตัวหนึ่งที่สวยงามและมีนัยน์ตาสีทองกลมโตในทะเลสาบ ในทุก ๆ วัน ปลาตัวนี้จะว่ายมาหาเย่เซี่ยนที่ริมฝั่ง และเธอก็จะแบ่งปันอาหารของตัวเองที่มีอยู่น้อยนิดให้มันเสมอ


ไม่นานนัก เรื่องนี้ก็รู้ไปถึงหูของแม่เลี้ยง เธอจึงปลอมตัวเป็นเย่เซี่ยนเพื่อหลอกล่อปลาตัวนี้ให้ปรากฏตัวออกมา จากนั้นก็แทงมันด้วยมีดสั้น และจับมันไปทำอาหารค่ำในคืนนั้นเอง


เย่เซี่ยนใจสลายเมื่อได้รู้ข่าวร้ายนี้ เธอนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นานจนกระทั่งเธอได้ยินเสียงของชายชราคนหนึ่งเรียกเธอ ชายชราคนนี้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลุดรุ่ย ผมเผ้ารุงรังยาวจนถึงบ่า แต่หน้าตาของเขาดูฉลาดเฉลียว ชายชราบอกกับเย่เซี่ยนว่า กระดูกของปลาตัวนี้เต็มไปด้วยจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง ถ้าเธอคุกเข่าต่อหน้ากระดูกของปลาและบ่งบอกถึงความปรารถนาที่อยู่ในใจแล้วล่ะก็ ความปรานารถนั้นจะเป็นจริง
เย่เซี่ยนออกไปค้นหากระดูกของปลาตัวนี้ที่กองขยะและซ่อนมันไว้ในที่ปลอดภัย แต่เธอไม่เคยขอสิ่งใดจนกระทั่งเวลาผ่านไปจนถึงช่วงเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นช่วงเวลาที่คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านจะมาพบปะกันเพื่อหาคู่ที่ตนชื่นชอบ เย่เซี่ยนปรารถนาที่จะไปงานนี้แต่แม่เลี้ยงของเธอไม่อนุญาต เพราะเธอกลัวว่าจะมีผู้ชายสนใจเย่เซี่ยนมากกว่าลูกสาวของตนเอง

จากนั้นแม่เลี้ยงและพี่สาวก็ได้ออกไปเที่ยวในงานเทศกาลโดยทิ้งเย่เซี่ยนเอาไว้ที่บ้าน เธอจึงตัดสินใจหยิบกระดูกปลาที่ซ่อนไว้เพื่อมาขอเสื้อผ้าสวย ๆ เพื่อสวมใส่ไปงาน ทันใดนั้นเอง เสื้อผ้าของเธอก็กลายเป็นชุดสีฟ้าที่สวยงาม พร้อมกับผ้าคลุมที่ประดับไปด้วยขนนกกระเต็น

เท้าที่ว่างเปล่าของเธอจู่ ๆ ก็มีรองเท้าที่ถูกถักทอด้วยด้ายสีทองคล้ายลวดลายของเกล็ดปลา และมีพื้นรองเท้าที่ถูกทำมาจากทองคำแท้ รองเท้าคู่นี้ทำให้ตัวเธอรู้สึกเบากว่าอากาศ แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เธอได้รับคำเตือนว่า ห้ามทำรองเท้าหายเด็ดขาด

เย่เซี่ยนตัดสินใจเดินทางไปงานเทศกาลทันที และสายตาทุกคู่ภายในงานก็จับจ้องเธอเพียงคนเดียว ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าหญิงสาวที่สวยงามคนนี้คือใคร จนแม่เลี้ยงและพี่สาวของเธอเข้ามาใกล้ ด้วยความตกใจกลัวว่าจะถูกจับได้ เย่เซี่ยนตัดสินใจวิ่งหนีกลับบ้านโดยเผลอทำรองเท้าข้างหนึ่งหลุดไว้ข้างหลัง


เมื่อกลับถึงบ้าน เย่เซี่ยนกลับมาถึงบ้าน เธอรีบเปลี่ยนชุดกลับไปเป็นชุดเก่า ๆ เหมือนเดิม เธอพยายามพูดกับกระดูกปลาแต่ครั้งนี้ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีก ด้วยความเศร้าเธอจึงนำรองเท้าข้างที่เหลือซ่อนเอาไว้ ข่าวลือเรื่องสาวสวยปริศนาเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่ว แม้กระทั่งแม่เลี้ยงกับพี่สาวของเธอเองก็ไม่ทราบว่านี่คือเย่เซี่ยน

หลังจากนั้นไม่นาน มีพ่อค้าคนหนึ่งได้พบกับรองเท้าที่หายไปโดยบังเอิญ เขาเห็นว่ามันเป็นรองเท้าทองคำที่น่าจะมีมูลค่าสูง จึงขายต่อไปให้กับพ่อค้าอีกคนหนึ่ง และพ่อค้าคนนี้ได้นำรองเท้าทองคำไปถวายให้กับพระราชาแห่งอาณาจักรแห่งหนึ่ง

กษัตริย์รู้สึกประทับใจกับรองเท้าคู่นี้และต้องการทราบว่าเจ้าของรองเท้าที่สวยงามคู่นี้คือใครกันแน่ พระองค์จึงส่งทหารออกไปค้นหาจนทั่วอาณาจักรแต่ก็ล้มเหลว ไม่มีใครที่สามารถสวมรองเท้าสีทองที่มีขนาดเล็กกว่าปกติข้างนี้ได้เลย พระองค์จึงตัดสินใจวางรองเท้าคู่นี้เอาไว้บนศาลาริมทางแห่งหนึ่งบริเวณที่รองเท้าคู่นี้ถูกพบ โดยประกาศว่ารองเท้าจะถูกส่งคืนให้กับผู้ที่เป็นเจ้าของตัวจริงเท่านั้น

หญิงสาวจากทั่วอาณาจักรต่างเดินทางมาลองใส่รองเท้าข้างนี้แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถใส่มันได้แม้แต่คนเดียว จนกระทั่งคืนหนึ่ง เย่เซี่ยนตัดสินใจที่จะลอบเข้าไปในศาลาอย่างเงียบ ๆ เพื่อนำมันกลับมา แต่เธอก็ไม่อาจลอดพ้นจากสายตาของทหารยามได้ เย่เซี่ยนถูกจับและถูกส่งตัวให้กับพระราชาทันที

เมื่อทราบเรื่อง พระราชารู้สึกเดือดดาลและพระองค์ไม่อยากเชื่อว่า ใครก็ตามที่แต่งตัวด้วยผ้าขี้ริ้วแบบนี้จะเป็นเจ้าของรองเท้าทองคำได้ แต่ทันทีที่พระองค์ทรงเดินเข้ามาใกล้เย่เซี่ยน ก็ต้องสะดุดตาเพราะเธอมีใบหน้าที่สวยงามและเท้าของเธอก็มีขนาดเล็กที่สุดเท่าที่ตนเคยเห็นมา

เย่เซี่ยนกล่าวว่าเธอไม่ได้มาขโมยรองเท้าแต่รองเท้าข้างนี้เป็นของเธอ ทุกคำพูดของเธอล้วนออกมาจากใจ มันเต็มไปด้วยความซื่อสัตย์และอ่อนหวาน พระราชาตัดสินใจพาเย่เซี่ยนกลับบ้าน เมื่อไปถึงเธอหยิบรองเท้าข้างที่ซ่อนไว้ออกมา เมื่อเธอสวมรองเท้าทั้งสองข้าง เสื้อผ้าที่เหมือนผ้าขี้ริ้วของเธอก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่งดงามเหมือนตอนที่เธอใส่ไปยังงานเทศกาลอีกครั้ง

ตอนนั้นเอง แม่เลี้ยงและพี่สาวของเย่เซี่ยนรีบกล่าวทูลพระราชาว่า แท้จริงแล้วชุดนี้เป็นของพี่สาวเธอ แต่พระราชาทราบได้ทันทีว่าทั้งคู่โกหก มาถึงตอนนี้พระราชาได้ตกหลุมรักเย่เซี่ยนเข้าแล้ว พระองค์ตัดสินใจขอเธอแต่งงาน และเย่เซี่ยนตอบตกลงด้วยความยินดี


เย่เซี่ยนเดินทางกลับวังไปกับพระราชาในฐานะราชินี และอาศัยอยู่กับพระราชาอย่างมีความสุข ส่วนแม่เลี้ยงและพี่สาวของเธอถูกสั่งให้อยู่แต่ในบ้านห้ามออกไปไหน ทั้งคู่เริ่มทะเลาะกันเองจนสุดท้าย บ้านที่เป็นถ้ำของพวกเธอก็พังถล่มลงมาจนทั้งคู่จบชีวิตลงอย่างอนาถ

และนี่ก็เป็นซินเดอเรลลาในเวอร์ชันจีนที่มีความคล้ายคลึงกับเวอร์ชันของดิสนีย์ที่เราคุ้นเคยไม่น้อย หลังจากอ่านจบแล้วคุณรู้สึกชอบในเวอร์ชันไหนมากกว่ากัน


ค้นพบซากฟอสซิลปลาจากจีนช่วยนักวิจัยเข้าใจวิวัฒนาการฟันของสัตว์น้ำโบราณ

ค้นพบซากฟอสซิลปลาจากจีนช่วยนักวิจัยเข้าใจวิวัฒนาการฟันของสัตว์น้ำโบราณ

👉🏿การค้นพบซากฟอสซิลปลาจำนวนมากในพื้นที่ทางตอนใต้ของจีนเมื่อไม่นานมานี้มาพร้อมกับอวัยวะฟันที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดนับตั้งแต่มีการศึกษาสิ่งชีวิตโบราณา และอาจช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถเข้าใจที่มาที่ไปของวิวัฒนาการด้านการใช้ฟันและกรามของสัตว์น้ำบนโลกนี้ได้ดีขึ้น

การศึกษาจำนวน 4 ชุดที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ช่วงปลายเดือนกันยายน บอกกล่าวถึงรายละเอียดการค้นพบของนักวิจัยเกี่ยวกับฟอสซิลจากยุคสำคัญของการวิวัฒนาการของฟันสัตว์น้ำ ซึ่งได้มาจากฟันปลาโบราณ รวมทั้งสัตว์สายพันธุ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

🐠ฟอสซิลเหล่านี้มาจากยุคไซลูเรียน (Silurian) หรือมีอายุราว 443 ล้านปี ถึง 419 ล้านปี ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตบนโลก โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว บรรพบุรุษของสัตว์ประเภทมีกระดูกสันหลังที่ใช้ชีวิตบนดาวที่เต็มไปด้วยน้ำน่าที่จะเริ่มมีพัฒนาการของการใช้ฟันและกราม

👱‍♂️ฟิลิป โดโนฮิว นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งบริสตอล ประเทศอังกฤษ และเป็นผู้เขียนส่วนหนึ่งของการศึกษานี้ กล่าวว่า การเริ่มใช้ฟันและกรามทำให้ปลาเปลี่ยนพฤติกรรมการหาอาหาร จากที่คอยตอดหาเศษจากพื้นโคลน

สู่การออกล่าเหยื่อ อีกทั้งยังอาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงด้านกายภาพอีกหลายอย่าง เช่น ครีบปลาในลักษณะต่าง ๆ ซึ่ง โดโนฮิว กล่าวว่า “มันเป็นช่วงจุดเชื่อมต่อของโลกเก่าและโลกใหม่”

👨‍👨‍👦แมตต์ ฟรีดแมน นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการวิจัย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์ไม่ได้พบเจอซากฟอสซิลที่แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการนี้มากนัก และต้องพึ่งพาข้อมูลจากการปะติดปะต่อชิ้นส่วนของปลาที่ค้นพบจากยุคดังกล่าวเป็นหลัก

มิน จู นักบรรพชีวินวิทยาจากสถาบัน Chinese Academy of Sciences ประเทศจีน ระบุในอีเมล์ที่ส่งถึง เอพี ว่า การค้นพบฟอสซิลชุดดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 2019 หลังทีมนักวิจัยลองสำรวจกองหินที่อยู่ใกล้หน้าผาริมถนนแห่งหนึ่ง และเมื่อเจาะหินดังกล่าวออกก็พบหัวของซากปลาฟอสซิลอยู่ภายใน ทีมวิจัยจึงตัดสินใจคนย้ายก้อนหินบริเวณนั้นกลับไปยังห้องแล็บเพื่อทำการตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า มีฟอสซิลในสภาพดีเยี่ยมสำหรับซากจากยุคเก่าแก่ขนาดนั้นเป็นจำนวนมาก

เดอร์ เอริค อาห์ลเบิร์ก จากมหาวิทยาลัยอุปซาลา ประเทศสวีเดน หนึ่งในผู้เขียนรายงาน อธิบายว่า สายพันธุ์ที่พบมากที่สุดในกลุ่มนี้ คือ ปลาที่มีรูปร่างคล้ายบูมเมอแรงตัวเล็ก ๆ ที่น่าจะใช้กรามของพวกมันตักหนอนขึ้นมาเป็นอาหาร

👱‍♂️ส่วน ฟิลิป โดโนฮิว นักบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งบริสตอล กล่าวถึงฟอสซิลอีกชิ้นหนึ่งที่มีแสดงให้เห็นถึงลักษณะของสิ่งมีชีวิตคล้ายฉลามและมีกระดูกเป็นเกราะอยู่ด้านหน้า ซึ่งเป็นการผสมผสานที่พบกันไม่บ่อยนัก โดยฟอสซิลของปลาที่ไม่มีกรามและอยู่ในสภาพดีนั้นช่วยให้เบาะแสว่า ปลาโบราณพัฒนาครีบให้กลายเป็นแขนและขาได้อย่างไร

ทั้งนี้ โดโนฮิว ชี้ว่า การพบฟอสซิลหัวปลานั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ฟอสซิลที่มีในส่วนของลำตัวด้วยนั้นเป็นการค้นพบที่เกิดขึ้นได้ยากมาก

🤵ส่วน มิน จู นักบรรพชีวินวิทยาจากสถาบัน Chinese Academy of Sciences เสริมว่า นักวิจัยยังพบกระดูกของปลาที่เรียกว่า “ฟันรูปขดก้นหอย” ที่มีฟันจำนวนหลายซี่งอกขึ้นในนั้นด้วย โดยเป็นฟอสซิลที่มีอายุของฟันที่เก่ากว่าฟันปลาของทุกสายพันธุ์ที่เคยค้นพบถึง 14 ล้านปี และนับเป็นหลักฐานของกรามสัตว์น้ำที่เด่นชัดที่สุดเท่ามนุษย์เคยขุดพบมา

👩‍⚕️อลิซ คเลเมนท์ นักชีววิทยาด้านวิวัฒนาการ มหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิจัยครั้งนี้ กล่าวว่า การค้นพบฟอสซิลดังกล่าว ถือว่า “น่าทึ่งเป็นอย่างมาก” และอาจที่จะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่เกี่ยวกับความเข้าใจเรื่องยุคสมัยได้ด้วย

👉🏿🐠คเลเมนท์ ชี้ด้วยว่า ฟอสซิลที่หลากหลายแสดงให้เห็นว่า ณ เวลานั้น สิ่งมีชีวิตที่มีฟันจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นน้ำ ก่อนที่จะถึงช่วงเวลาต่อมาที่ได้ชื่อว่า เป็น "ยุคของปลา" ก็ตาม

 

จีนพบรอยเท้าไดโนเสาร์อายุ 100 ล้านปี กลางร้านอาหารในมณฑลเสฉวน


จีนพบรอยเท้าไดโนเสาร์อายุ 100 ล้านปี กลางร้านอาหารในมณฑลเสฉวน
.
ผู้เชี่ยวชาญจีนยืนยันพบรอยเท้าของไดโนเสาร์อายุกว่า 100 ล้านปีในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เมืองเล่อซาน มณฑลเสฉวน หลังมีลูกค้าตาไวสังเกตเห็นและส่งภาพให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
.
ลิด้า ชิง (Lida Xing) นักโบราณชีววิทยา และรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยธรณีศาสตร์แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์หลักฐานผ่านการใช้เครื่องสแกน 3 มิติเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (16 กรกฎาคม) พร้อมยืนยันว่าพื้นที่ลานภายนอกร้านอาหารมีหลุมหินซึ่งเป็นรอยเท้าของไดโนเสาร์ในสกุลซอโรพอด 2 ตัว โดยเป็นไดโนเสาร์พันธุ์คอยาวขนาดใหญ่ที่อาศัยอยู่ในช่วงต้นยุคครีเทเชียส คาดว่าไดโนเสาร์ที่ทิ้งรอยเท้าไว้มีความยาวลำตัวประมาณ 8 เมตร 
.
สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะมาเป็นร้านอาหารนั้น พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นฟาร์มเลี้ยงไก่มาก่อน จึงทำให้รอยเท้าไดโนเสาร์ถูกฝังกลบด้วยดินและทราย ซึ่งนับว่าเป็นผลดีอย่างมาก เพราะหน้าดินได้ช่วยปกป้องรอยเท้าจากการถูกกัดเซาะ หรือได้รับความเสียหายจากสภาพอากาศ
.
เมื่อปีที่ผ่านมาพื้นที่ตรงนี้ถูกเปิดเป็นร้านอาหาร ซึ่งเจ้าของเปิดเผยว่าตัวเขาถูกใจบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ รวมถึงแผ่นหินขนาดใหญ่ในบริเวณดังกล่าว จึงเปิดเป็นลานกลางแจ้งโดยไม่ได้เทปูนปรับพื้นใหม่ และเมื่อทราบว่าพื้นที่ตรงนั้นเป็นรอยเท้าไดโนเสาร์ ทางร้านก็ได้เร่งปิดล้อมพื้นที่ทันทีเพื่อไม่ให้ร่องรอยของสัตว์ดึกดำบรรพ์ได้รับความเสียหาย
.
แม้ที่ผ่านมามณฑลเสฉวนจะเคยค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์จำนวนมาก แต่การค้นพบส่วนใหญ่นั้นเป็นไดโนเสาร์จากยุคจูราสสิก น้อยมากที่จะเจอหลักฐานจากยุคครีเทเชียส ซึ่งชิงกล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้เปรียบได้กับการเจอจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญซึ่งแสดงหลักฐานถึงการมีอยู่ของไดโนเสาร์ยุคครีเทเชียสในมณฑลเสฉวน
.
ทั้งนี้ การค้นพบครั้งล่าสุดได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างมาก ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดี เพราะนี่เป็นการค้นพบจากประชาชนคนทั่วไป สะท้อนให้เห็นว่าผู้คนมีความตระหนักเกี่ยวกับข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของสัตว์ดึกดำบรรพ์มากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้นักโบราณชีววิทยาจีนค้นพบเบาะแสของรอยเท้าไดโนเสาร์ใหม่ๆ แทบทุกปี

นักวิทย์ฯ ค้นพบในจีน หลุมอุกกาบาตอายุน้อยกว่า 100,000 ปี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!

นักวิทย์ฯ ค้นพบในจีน หลุมอุกกาบาตอายุน้อยกว่า 100,000 ปี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!

เผยมีความกว้างถึง 1.85 กม. พร้อมทั้งหลักฐานจากเศษหิน ที่บ่งบอกถึงการปะทะของวัตถุจากอวกาศ คาดเป็นหลุมอุกกาบาต ที่ก่อเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 46,000 ถึง 53,000 ปีที่แล้ว

เมื่อช่วงกลางปี 2021 นักวิจัยได้ทำการยืนยันการค้นพบ หลุมอุกกาบาต Yilan ทรงพระจันทร์เสี้ยว ในบริเวณเทือกเขา Lesser Xing’an ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในมณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศจีน ถือเป็นหลุมอุกกาบาตหลุมที่สอง ที่เพิ่งถูกค้นพบในจีน (หลุมแรกคือ หลุมอุกกาบาต Xiuyan ในมณฑลเหลียวหนิง)

แม้ว่าจะเพิ่งถูกค้นพบ แต่นักวิจัยเผยว่า หลุมอุกกาบาต Yilan นั้น มีความกว้างถึง 1.85 กิโลเมตร และน่าจะก่อเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 46,000 ถึง 53,000 ปีที่แล้ว ทำให้มันกลายเป็นหลุมอุกกาบาต อายุต่ำกว่า 100,000 ปี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โค่นสถิติเก่าของหลุมอุกกาบาต Barringer (หรือ Meteor Crater) ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดประมาณ 1.2 กิโลเมตร

นอกจากนี้ นักวิจัยได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างตะกอนใต้น้ำ ภายในหลุมอุกกาบาต Yilan ก่อนเผยว่า พบแผ่นหินแกรนิต แบบ brecciated granite ที่ประกอบไปด้วยเศษหินอื่น ๆ ที่ละลายและเกิดผลึกขึ้นใหม่ รวมถึงเศษแก้วทรงหยดน้ำ และเศษแก้วที่มีรูจากฟองอากาศ ซึ่งล้วนเป็นตัวบ่งชี้ ถึงการปะทะอย่างรุนแรงของวัตถุจากอวกาศ

ทั้งนี้ นักวิจัยกล่าวว่า หลุมอุกกาบาต Yilan มีรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวจากมุมบน เนื่องจากไม่มีขอบส่วนล่าง ถือเป็นรูปทรงของหลุมอุกกาบาต ที่หาได้ยากบนโลก ซึ่งพวกเขาจะทำการศึกษาต่อไปว่า ขอบส่วนล่างนี้หายไปเมื่อไหร่ และหายไปได้อย่างไร

ข้อมูลเพิ่มเติม

หลุมอุกกาบาตที่เรียกว่าอุกกาบาตในรัฐแอริโซนาก่อนหน้านี้เคยมีสถิติหลุมอุกกาบาตที่ใหญ่ที่สุดที่มีอายุน้อยกว่า 100,000 ปี มีอายุประมาณ 49,000 ถึง 50,000 ปี

Xiuyan

และมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.75 ไมล์ (1.2 กม.) โดยการเปรียบเทียบปากปล่อง Xiuyan วัดได้ 1.1 ไมล์ (1.8 กม.) แต่ยังไม่ทราบอายุ ฟอร์บรายงาน

ฮือฮาเมฆทรงประลาดโผล่ท้องฟ้าจีน ชาวบ้านให้ฉายาประตูสู่เมืองสวรรค์


เดลิสตาร์ - พบกลุ่มเมฆรูปทรงประหลาด ปรากฏ บนท้องฟ้าของเมืองแห่งหนึ่งในประเทศจีน สร้างความฮือฮาแก่ผู้พบเห็น เช่นเดียวกับชาวสื่อสังคมออนไลน์ที่ขนานนามให้มันว่า "ประตูสู่สวรรค์"

ในวิดีโอพบเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งยืนอยู่แถวๆทะเลสาบขนาดใหญ่ ชี้ไม้ชี้มือขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งชัดเจนว่าเป้าหมายของพวกเขาคือเมฆรูปทรงประหลาดขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า

เมฆก้อนหนึ่งมีรูปทรงคล้ายคนมีปีกลอยอยู่เบื้องหน้า และพอเรือแล่นเข้าไปใกล้ก็พบเห็นเมฆรูปร่างลักษณะแปลกประหลาดอื่นๆ บางส่วนคล้ายสิ่งปลูกสร้าง ปรากฏเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ

ข้อมูลระบุว่าวิดีโอนี้เป็นภาพที่บันทึกได้ในประเทศจีน ก่อนมันจะถูกโพสต์ลงช่อง The Hidden Underbelly 2.0. บนยูทูป พร้อมกับคำบรรยายภาพว่า "กลุ่มเมฆรูปร่างประหลาดเหนือท้องฟ้าจีน มองผ่านๆคล้ายกับเมืองสวรรค์"

อย่างไรก็ตามผู้ชมรายอื่นๆต่างก็มีทฤษฎีของตนเอง โดยหนึ่งในนั้นบอกว่า "มันเป็นคณะประสานเสียงของเทพยดา" ส่วนอีกคนเสริมว่า "ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ไม่ต้องหยิบยกทฤษฎีไหนๆ มันก็เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก"

กระนั้นก็ดีมีบางส่วนที่มองว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ โดยเชื่อว่ามันเป็นแค่เหตุการณ์ที่เกี่ยวกับแสงและเป็นภาพหลอกตา อ้างถึงปรากฏการณ์ "Fata Morgana" หรือภาพลวงตา ซึ่งเกิดจากการหักเหของแสงเนื่องจากชั้นของอากาศที่แสงเดิมทางผ่านมีอุณหภูมิต่างกัน แล้วเกิดการสะท้อนกลับ

จีนบูรณะ ซากอาณาจักรลึกลับโบราณ อายุ 2000 ปี เสร็จสิ้นแล้ว


อุรุมชี, 4 ธ.ค. (ซินหัว) -- คณะนักอนุรักษ์วัฒนธรรมจีนได้ดำเนินการซ่อมแซมซากเมืองโบราณแบบเร่งด่วนจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยเมืองโบราณในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนแล้วแห่งนี้ เชื่อกันว่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "อาณาจักรโหลวหลาน" ในอดีตกาล

โหลวหลานเป็นนิคมที่เคยรุ่งเรืองในอดีต สร้างขึ้นเมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อน เพื่อรองรับผู้ค้าที่เดินทางผ่านเส้นทางสายไหมโบราณ ทว่าเวลาที่ผันผ่านทำให้เหตุการณ์เกี่ยวกับโหลวหลานเลือนหายไปอย่างลึกลับ คงเหลือเพียงสถานที่ตั้งปัจจุบันในแถบทุรกันดารของอำเภอรั่วเชียงทางตอนใต้ของซินเจียง

ปี 2019 คณะนักอนุรักษ์พบว่าฐานสถูปและบ้านสามหลังที่ขุดพบบริเวณซากโบราณได้พังทลายลงหลายส่วน โดยโครงสร้างได้รับความเสียหายจากรอยแตก หลุมโพรง และการกัดเซาะ ทางการจึงเริ่มงานซ่อมแซมเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2020 เพื่อเสริมความแข็งแกร่งแก่โครงสร้างพื้นดินของบ้านทั้งสามหลังและซากสถูปโจวเผิง

วิศวกรอาวุโสประจำบริษัท สถาบันวิจัยตะวันตกเฉียงเหนือ จำกัด (Northwest Research Institute Co., Ltd.) สังกัดกลุ่มบริษัทวิศวกรรมการรถไฟจีน (China Railway Engineering Group Ltd.) กล่าวว่าทีมวิศวกรของบริษัทฯ ได้นำดินเหนียวจากพื้นที่ใกล้เคียงมาใช้เสริมความแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ซากที่อยู่บนดินทรุดตัว นอกจากนั้นพวกเขายังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) เพื่อปกป้องซากปรักหักพังในรูปแบบดิจิทัลอีกด้วย

"เราสร้างแฟ้มข้อมูลดิจิทัลเพื่อบันทึกขนาดผนังของซากโบราณ ตลอดจนความหนาของหินและดิน หากซากโบราณได้รับความเสียหายจากการกัดเซาะของพายุทรายในอนาคต เราจะสามารถวิเคราะห์และศึกษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อบูรณะซ่อมแซมได้"ทั้งนี้ มีการค้นพบกำแพงเมืองของโบราณสถานทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสแห่งนี้ โดยกำแพงแต่ละด้านมีความยาวประมาณ 330 เมตร
สถูปถูกสร้างไว้บริเวณมุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนฐานบ้านตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของซากเมืองนักโบราณคดีเชื่อว่าซากโบราณแห่งนี้เป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่ตั้งขึ้นโดยอาณาจักรโหลวหลาน โดยโหลวหลานได้โยกย้ายเมืองหลวงจำนวนหลายครั้ง สืบเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของแหล่งน้ำ ภัยธรรมชาติ การแพร่ระบาดของโรค หรือสงคราม และอาณาจักรโบราณแห่งนี้ได้สูญหายไปอย่างสมบูรณ์ในสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ. 618-907)

ซากเมืองลึกลับนี้ถูกพบครั้งแรกโดยสเวน เฮดิน (Sven Hedin) นักผจญภัยชาวสวีเดน ในปี 1901 และตลอดหลายปีที่ผ่านมานักโบราณคดีได้ขุดค้นพบโบราณวัตถุจากอาณาจักรโหลวหลานจำนวนมาก อาทิ เหรียญยุคราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสตกาล - ค.ศ. 220) เครื่องสัมฤทธิ์ เครื่องเขิน และผ้าไหม

(แฟ้มภาพซินหัว : ภาพเปรียบเทียบซากสถูปก่อนและหลังการดำเนินงานบูรณะ วันที่ 14 พ.ย. 2019 และ 20 ต.ค. 2020 ตามลำดับ บริเวณซากอาณาจักรโหลวหลานโบราณ ในอำเภอรั่วเชียง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน)

(แฟ้มภาพซินหัว : นักอนุรักษ์วัฒนธรรมบูรณะซากห้อง 3 ห้อง บริเวณซากอาณาจักรโหลวหลานโบราณ ในอำเภอรั่วเชียง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 12 ก.ย. 2020)

(แฟ้มภาพซินหัว : เจ้าหน้าที่คุ้มครองโบราณวัตถุทำการสร้างไฟล์ดิจิทัลของซากสถูปด้วยเครื่องสแกนเลเซอร์ 3 มิติ บริเวณซากอาณาจักรโหลวหลานโบราณ ในอำเภอรั่วเชียง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน วันที่ 20 ต.ค. 2020)

นักโบราณคดีจีนค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไก่

🦕ไก่ไดโนเสาร์!? นักโบราณคดีจีนค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไก่ จะเป็นยังไง? 
ดูเลยครับ

ค้นหา
Custom Search
ก่อนหน้านี้ที่ประเทศจีนได้มีการรายงานว่าพบฟอสซิลไข่ของไดโนเสาร์กินพืชยุคครีเตเชียสมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นผลงานการค้นพบของนักโบราณคดีชาวจีนอีกเช่นกัน โดยเป็นการค้นพบฟอสฟิลของไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่ ที่นักโบราณคดีระบุว่ามันมีลักษณะคล้ายไก่อีกด้วย

การค้นพบฟอสซิลไดโนเสาร์สายพันธุ์ใหม่นี้เป็นผลงานของนักโบราณคดีมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน โดยจากข้อสันนิษฐานของนักโบราณคดีระบุว่าฟอสซิลที่พบน่าจะมีอายุประมาณ 125 ล้านปี โดยเป็นฟอสซิลของไดโนเสาร์สายพันธุ์ Jianianhualong tengi ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ในวงศ์ Troodontid
ไดโนเสาร์สายพันธุ์ Jianianhualong tengi เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ น้ำหนักประมาณ 3 กิโลกรัมเท่านั้น โดยหลังจากที่นำฟอสซิลไดโนเสาร์ที่พบไปศึกษาอย่างละเอียด จึงทำให้ทราบว่ามันเป็นไดโนเสาร์ที่มีขนแถมยังมีรูปร่างหน้าตาคล้ายไก่เอามากๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าไดโนเสาร์สายพันธุ์นี้จะบินได้หรือไม่

อีกหนึ่งความพิเศษที่นักโบราณคดีพบในครั้งนี้ก็คือ ปีกของไดโนเสาร์สายพันธุ์ Jianianhualong tengi ทั้งสองข้างจะไม่เท่ากัน โดยจะมีด้านใดด้านหนึ่งที่กว้างกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะพบลักษณะของปีกแบบนี้ในสัตว์สายพันธุ์ที่มีปีกแต่บินไม่ได้เท่านั้น
Jianianhualong tengi 

การค้นพบครั้งนี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Nature Communications ซึ่งหลังจากนี้นักโบราณคดีจะทำการศึกษาเส้นขนของฟอสซิลไดโนเสาร์ที่พบในครั้งนี้ เพื่อหาถึงความเชื่อมโยงว่าขนของมันมีส่วนเกี่ยวข้องในการบินของไดโนเสาร์สายพันธุ์ Jianianhualong tengi หรือไม่? อย่างไร?

ความแปลกของอารยธรรมโบราณอาณาจักรของมังกรตะวันออก Ancient China

ความแปลกของอารยธรรมโบราณอาณาจักรของมังกรตะวันออก (Ancient China)
ค้นหา
Custom Search
ชนชาติจีนที่เรียกตนเองว่าชาวฮั่นนั้น ถือเป็นแหล่งอารยธรรมโบราณที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของโลก นอกจากประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปีแล้ว จีนในปัจจุบันยังนับเป็นมหาอำนาจชาติหนึ่งซึ่งนับวันจะมีอิทธิพลต่อประชาคมโลกมากขึ้นตามวันและเวลา เช่นเดียวกับอารยธรรมอื่นๆ โบราณสถาน, โบราณวัตถุ ตลอดจนบันทึกทางประวัติศาสตร์ของชาวฮั่นนั้น มีอยู่ไม่น้อยที่เชื่อมโยงกับอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์
ดูเหมือนว่าชาวจีนโบราณจะคุ้นเคยกันดีกับเรือที่สามารถลอยลำได้บนท้องฟ้า สนามพลังลึกลับจากพื้นโลก รวมทั้งหลักฐานสำคัญอีกสองสามชิ้น เช่น ประติมากรรม,หยก, ถั่วลิสง ซึ่งเชื่อมอารยธรรมจีนโบราณและอารยธรรมมายาเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น พวกเขามีอะไรหลายอย่างเหมือนๆกันทั้งที่อยู่กันคนละซีกโลก

นักมานุษยวิทยาหลายชุดได้ตีพิมพ์ผลงานการวิจัยเรื่องความเกี่ยวพันของอารยธรรมจีนและมายาเอาไว้ว่า คติความเชื่อของทั้งสองอารยธรรมมีส่วนคล้ายกันอย่างน่าประหลาด แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนเผยแพร่หรือใครเป็นคนรับถ่ายทอด เพราะถ้าดูจากระยะเวลาแล้วมายาอ่อนกว่าจีนอยู่โข แต่ก็นั่นแหละครับไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนมายืนยัน ทุกสิ่งจึงเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน(แม้ว่ามันเข้าเค้ามากๆจนเกือบนับเป็นข้อสรุปได้ก็ตามที) เป็นต้นว่าสัญลักษณ์ทางศาสนาของราชวงศ์ฉางที่ไปคล้ายกับศิลปะของชาวมายา การนิยมใช้เครื่องประดับที่ทำจากหยก ตลอดจนการบูชาเทพเสือดาวซึ่งเสือดาวของทั้งสองชนชาติไม่มีขากรรไกรล่างเหมือนกัน เป็นต้น
นักมานุษยวิทยาบางท่านถึงกับระบุลงไปเลยว่า ชาวจีนเป็นผู้เผยแพร่อารยธรรมบางส่วนให้กับมายาในช่วง 500-300 B.C. โดยอ้างอิงช่วงเวลาจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของจีน อันเป็นช่วงที่นักบวชชาวจีนจำนวนมากเดินทางไปทั่วแผ่นดิน เพื่อหายาอายุวัฒนะให้กับฮ่องเต้
ต่อให้ตัดเรื่องของพระเจ้าจากอวกาศหรืออารยธรรมก่อนน้ำท่วมโลกออกไป จีนก็ยังนับเป็นผู้คนพบนวัตกรรมหลายๆอย่างของโลกอยู่ดี

ชาวจีนโบราณรู้จักการทำกระดาษจากเยื่อไม้, มีการใช้แว่นสายตา, เลนส์ขยาย, ธนบัตร มานับเป็นพันปี พวกเขามีเทคโนโลยีทางสงครามที่น่าทึ่ง เช่น รู้จักใช้ประโยชน์จากดินปืนมาทำปืนใหญ่, จรวด, การนำน้ำมันดิบมาทำเชื้อเพลิงในแถบซินเกียง ที่ร้ายไปกว่านั้นคือราวปี 1960 นักโบราณคดีได้ขุดพบชิ้นส่วนเครื่องโลหะจำนวนมากที่ทำจากอลูมินัม ชิ้นส่วนเหล่านี้มีอายุหลายพันปีอยู่ อ้อ...ชิ้นส่วนเหล่านี้ทำมาจากโลหะซึ่งได้มาจากกรรมวิธีที่ต้องใช้ไฟฟ้า!!

หรือว่าชาวจีนก็เป็นเช่นเดียวกับอาหรับโบราณ ที่รู้จักการชุบโลหะด้วยไฟฟ้าก่อนหน้าวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ตั้งหลายพันปี

พบหินคล้ายมหาสฟิงซ์ของอียิปต์ที่จีน อายุกว่า 2.5 พันล้านปี

พบหินคล้ายมหาสฟิงซ์
ของอียิปต์ที่จีน อายุกว่า 2.5 
พันล้านปี         
😂พบหินคล้ายมหาสฟิงซ์ของอียิปต์ที่จีน อายุกว่า 2.5 พันล้านปี หลอมรวมขึ้นในช่วงมหายุค
นีโออาร์เคียน
วันที่ 12 ธันวาคม 2562 ซินหัวไทย  รายงานว่า ที่เมืองจี่หนาน มลฑลซานตง ทางตะวันออกของประเทศจีน มีการพบหินธรรมชาติที่คล้ายคลึงกับมหาสฟิงซ์ของอียิปต์ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม
          
🏯ทั้งนี้ หินดังกล่าวประกอบด้วยหิน 3 ชนิด หลอมรวมขึ้นในช่วงมหายุคนีโออาร์เคียน หรือประมาณ 2.5 พันล้านปีก่อน และเป็นหินแทรกซอน ก่อตัวช่วงแรกของแผ่นเปลือกโลก
ฮือฮา! จีนพบหินคล้าย ‘มหาสฟิงซ์’ คาดเก่าแก่กว่า 2 พันล้านปีหินธรรมชาติก้อนหนึ่งในเมืองจี่หนาน 
มณฑลซานตง ทางตะวันออกของจีน มีลักษณะคล้ายคลึง
“มหาสฟิงซ์แห่งกิซา” 

🗿รูปสลักสฟิงซ์ของอียิปต์
อันโด่งดัง ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมากให้แวะเวียนมาเยี่ยมชม หินดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากแหล่งเพาะปลูก 
ก่อนที่นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งจะไปค้นพบเข้า 
หินรูปทรงแปลกก้อนนี้ประกอบด้วยหิน 3 ชนิด ซึ่งล้วนหลอมรวมขึ้นในช่วงมหายุคนีโออาร์เคียน (Neoarchean) หรือเมื่อประมาณ 2.5 พันล้านปีก่อน 
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหินที่ผุกร่อนตามธรรมชาติที่เห็นนี้ 
จัดเป็นหินแทรกซอน
(intrusive rock) ซึ่งก่อตัว
ขึ้นในช่วงแรกของการก่อตัวของแผ่นเปลือกโลก

จีนขุดพบเกราะขุนศึก 3,000 ปี


จีนขุดพบเกราะขุนศึก 3,000 ปี
เก่าแก่ที่สุดนับแต่พบเจอ

ชุดเกราะ และเครื่องโลหะที่ใช้ในกองทัพจีนยุค 3,000 ปีก่อน เก่าแก่ที่สุดนับแต่มีการขุดค้นพบ และยังเป็นชิ้นสำคัญที่ยืนยันประวัติศาสตร์การทหารอันยิ่งใหญ่ของจีนในอดีต (ภาพซินหวา)
        

เอเยนซี - นักโบราณคดีจีนขุดพบชุดเกราะ และเครื่องโลหะสำริดที่ใช้ในกองทัพจีนยุค 3,000 ปีก่อน นับเป็นวัตถุโบราณทางการทหารที่เก่าแก่ที่สุด นับแต่มีการขุดค้นพบในจีน     
        
สื่อจีนรายงาน (10 มี.ค.) อ้างคำแถลงของหน่วยงานโบราณคดี มณฑลส่านซี ว่า ผู้เชี่ยวชาญได้ขุดค้นพบโบราณวัตถุ ในสุสานของขุนศึกคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยของการก่อตั้งราชวงศ์โจวตะวันตก (ราว 1050 ปีก่อนคริสต์ศักราช – 771 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งอยู่ในพื้นที่ภูเขาซื่อกู่ซาน เมืองเป่าจี ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

นอกจากชุดเกราะแล้ว คณะสำรวจยังพบ โบราณวัตถุต่างๆ อาทิ ภาชนะซึ่งคาดว่าจะเป็น ไหสุรา ที่บ่งแสดงถึงสถานะของผู้เป็นเจ้าของว่าน่าจะเป็นทหารระดับขุนศึกคนหนึ่ง นับเป็นเครื่องโลหะที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดเท่าที่มีการขุดค้นพบในจีน โดยสุสานของขุนศึกคนนี้ อยู่ที่ภูเขาซื่อกู่ซาน ซึ่งชาวนาคนหนึ่งได้ขุดพบเข้าด้วยความบังเอิญ เมื่อปีที่แล้ว จนนำไปสู่การขุดค้นศึกษา

หลิว จุ้นซื่อ หัวหน้าคณะสำรวจ กล่าวว่า การขุดพบโบราณวัตถุครั้งนี้ช่วยคลี่คลายประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทหารจีนในประวัติศาสตร์ยุคโบราณ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ได้มีการขุดค้นพบชุดเกราะทหารโบราณยุคจิ๋นซีฮ่องเต้มาก่อนแล้ว เพราะเกี่ยวกับชุดเกราะที่ปรากฎตามหุ่นของทหารจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น ยังคงเป็นปริศนาไม่มีการค้นพบของจริงมายืนยัน การค้นพบครั้งนี้จึงเป็นประจักษ์พยานยืนยันความถูกต้องทางประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ
  
หลิวกล่าวว่า ชุดประกอบเกราะทหารที่ค้นพบนั้น มีหลายชิ้น อาทิ ชิ้นหนึ่งที่มีรูปทรงกระบอกความยาวประมาณ 29 ซ.ม. กับ อีก 2 ชิ้น ที่เหมือนจะเป็นชุดประกอบลำตัวท่อนบน มีขนาด 23.5 ซ.ม. x 10 ซ.ม. และ 40 ซ.ม. x 21 ซ.ม. ทั้งสองชิ้นนี้ เป็นชุดเกราะโลหะสำริด
ที่เจาะรูเพื่อร้อยเย็บติดกับชุดหนัง
ของเกราะทหาร
ทั้งนี้ ราชวงศ์โจว หรือ ราชวงศ์จิว
(周朝) เป็นราชวงศ์ที่ 3
ในประวัติศาสตร์จีน โดยเริ่มเมื่อประมาณ 1123 ปีก่อนคริสต์ศักราช - 256 ปีก่อนคริสต์ศักราช นับเป็นราชวงศ์ที่ยาวนานที่สุด (กว่า 867 ปี) มีเหตุการณ์ยิ่ง่ใหญ่ต่างๆ มากมาย
ซึ่งรวมถึงการสงคราม และกำเนิดปรัชญาเมธีทั้งหลายของจีน ได้แก่ ขงจื๊อ เล่าจื๊อ ซุนวู

รายการบล็อกของฉัน

  • เทคนิคแก้ปัญหากลิ่นปาก - ค้นหา *เทคนิคแก้ปัญหากลิ่นปากให้ถูกทาง* น่าจะเคยเป็นกันบ้างที่เวลาจะพูดกับใคร เรามักจะไม่มั่นใจในกลิ่นปากและลมหายใจของเรา จึงทำให้ไม่มั่นใจในการสนทนาเท่า...
    2 เดือนที่ผ่านมา
  • ว่านดอกทองแปลกที่กลิ่นคล้ายน้ำอสุจิ - ว่านดอกทอง ชื่อวิทยาศาสตร์ Curcuma spp. จัดอยู่ในวงศ์ขิง (ZINGIBERACEAE) ค้นหา สมุนไพรว่านดอกทอง มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า ว่านมหาเสน่ห์ (รากราคะ, ว่านร...
    2 เดือนที่ผ่านมา
  • มนุษย์จะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวภายในสิ้นศตวรรษนี้ - มนุษย์จะติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวภายในสิ้นศตวรรษนี้ นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและนักอนาคตอย่าง Michio Kaku ได้เคยกล่าวกับ Redditers ไว้เมื่อไม่นานมานี้ อย่างไรก็...
    3 เดือนที่ผ่านมา
  • การเลือกซื้อเสื้อกันหนาว มือ 2มาใช้ - Two Hand sweaters *จากสภาพอากาศที่เริ่มหนาวเย็นขึ้น *ส่งผลให้เสื้อกันหนาวมือสองกำลังได้รับความนิยมอย่างคึกคัก โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย เพราะเสื้อ 1 ตัวนั้...
    3 ปีที่ผ่านมา
  • ระยะห่างในการรับชม TV ที่เหมาะสม - *สาระน่ารู้ระยะห่างในการรับชมที่เหมาะสม * *และ จะซื้อ LED TV ใหญ่ขนาดไหนดีนะเรา ?* สวัสดีครับทุกท่าน ผมเชื่อว่าตอนนี้ยังมีหลายๆท่านยังเค้าใจผิดคิดว่า ยิ่งจอ ...
    11 ปีที่ผ่านมา