พบฟอสซิลสมองของไดโนเสาร์เป็นครั้งแรก

👉พบฟอสซิลสมองของไดโนเสาร์เป็นครั้งแรก

ค้นหา

Custom Search

นักวิทยาศาสตร์ประกาศค้นพบฟอสซิลสมองของอิกัวโนดอน ไดโนเสาร์กินพืช อายุ 133 ล้านปี พบมีความคล้ายกับสมองนกในปัจจุบัน

กลายเป็นข่าวโด่งดังขึ้นมา เมื่อก้อนหินประหลาดที่ถูกค้นพบโดยบังเอิญ ที่หาด Sussex ในสหราชอาณาจักรเมื่อปี 2004 กลับกลายเป็นฟอสซิลสมองของไดโนเสาร์ ที่ไม่เคยมีใครค้นพบมาก่อน

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าฟอสซิลสมองชิ้นนี้มีอายุราว 133 ล้านปี และเป็นของไดโนเสาร์กินพืชที่มีชื่อว่า อิกัวโนดอน ที่อาศัยอยู่บนโลกในช่วงต้นของยุคครีเตเชียส

จากการตรวจสแกนฟอสซิลชิ้นนี้พบว่า ไดโนเสาร์มีสมองและเยื่อหุ้มสมองที่คล้ายคลึงกับนก และจระเข้ อย่างไรก็ดียังคงเป็นเรื่องยากที่จะพิสูจน์ความชาญฉลาดของสัตว์โลกล้านปีนี้จากฟอสซิลที่แข็งเป็นหิน แต่อย่างน้อยก็พอบอกได้ว่าไดโนเสาร์เหล่านี้มีความชาญฉลาดไม่ต่างจากจระเข้ในปัจจุบัน

การค้นพบฟอสซิลสมองของไดโนเสาร์นั้นเป็นเรื่องที่หายากมาก เนื่องจากปกติแล้วเนื้อเยื่อที่อ่อนนุ่มเหล่านี้จะย่อยสลายไปเอง เมื่อไดโนเสาร์ตายลง ทีมนักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสังเกตุว่าอิกัวโนดอนตัวนี้น่าจะเสียชีวิตจากการจมลงไปในน้ำ ในท่าที่หัวของมันดิ่งลงสู่พื้นของทะเลสาบ หรือแม่น้ำ กระโหลกศีรษะของมันทำหน้าที่เป็นชามปกป้องสมองภายใน ในยุคดึกดำบรรพ์ค่าออกซิเจนในน้ำไม่ได้สูงมากนัก

ดังนั้นน้ำจึงทำหน้าที่เสมือนเป็นน้ำดองอย่างดีและตลอดเวลาของการย่อยสลาย แร่ธาตุหลายอย่างก็เข้ามาแทนที่เนื้อเยื่อในระดับโมเลกุล จนในที่สุดสมองของมันก็กลายเป็นฟอสซิลการศึกษาในอนาคตจะช่วยเปิดเผยเรื่องราวเชื่อมโยงระหว่างสมองโบราณ และสัตว์สมัยใหม่มากขึ้น 

Amy Balanoff นักวิจัยจากศูนย์วิวัฒนาการและร่างกาย
จากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกินส์ กล่าวว่า เธอไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซนต์ว่าฟอสซิลนี้คือเนื้อเยื่อของสมอง เพราะการจะยืนยันได้ต้องอาศัยกระบรวนการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ที่ยาวนานกว่านี้ แต่เธอยอมรับว่าเป็นการค้นพบที่น่าสนใจ ที่จะได้รับรู้เรื่องราวใหม่ๆจากฟอสซิลชิ้นนี้

ฟอสซิลไดโนเสาร์กินเนื้อ ขนาดใหญ่ที่สุด แถมว่ายน้ำได้

พบ ฟอสซิลไดโนเสาร์กินเนื้อ ขนาดใหญ่ที่สุด แถมว่ายน้ำได้ 

นักชีววิทยาด้านสัตว์โบราณ เผย ซากฟอสซิลยักษ์ในทะเลทรายซาฮารา เป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ ขนาดใหญ่ที่สุด แถมยังว่ายน้ำได้ ยัน ไม่เคยพบมาก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวบีบีซี รายงานการศึกษาซากดึกดำบรรพ์ที่ตีพิมพ์ลงในวารสารวิทยาศาสตร์ 

โดย นิซาร์ อิบราฮิม นักชีววิทยาด้านพืชและสัตว์โบราณ ประจำมหาวิทยาลัยชิคาโก ในสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าซากฟอสซิลขนาดยักษ์ที่หลงเหลืออยู่ หลังจากพบครั้งแรกในทะเลทรายซาฮารา นับเป็น ซากฟอสซิลที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

เนื่องจากเป็นไดโนเสาร์พันธุ์สไปโนซอรัส ซึ่งเป็นสัตว์ประเภทกินเนื้อที่มีขนาดใหญ่สุด และสามารถว่ายน้ำได้

บรรดานักวิทยาศาสตร์ กล่าวด้วยว่า การพบซากฟอสซิลขนาดยักษ์ อายุ 95 ล้านปีก่อน ถือเป็นการยืนยันทฤษฎีที่มีมานานแล้วว่า สไปโนซอรัส คือไดโนเสาร์ที่รู้จักกันตั้งแต่แรกว่า เป็นไดโนเสาร์ยักษ์ ที่ว่ายน้ำได้

ด้านอิบราฮิม เผยว่า
"มันเป็นไดโนเสาร์ที่แปลกประหลาดมาก และไม่เคยมีภาพร่างของมันที่แท้จริงมาก่อน
ซึ่งมันมีลำคอที่ยาว ลำตัวยาว หางยาว มีครีบสูงถึง 2 เมตร อยู่บนหลัง แถมยังมีส่วนที่เป็นจมูกและปากที่คล้ายกับจระเข้ !!

เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างของร่างกายแล้ว พบว่า ไดโนเสาร์พันธุ์ดังกล่าวไม่ใช่สัตว์ประเภทที่คล่องแคล่วปราดเปรียวที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน แบบพันธุ์อื่นซึ่งเคยพบซากฟอสซิลก่อนหน้านี้ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ที่พบนี้ ต้องเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในน้ำอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ ยังมีนักชีววิทยาด้านสัตว์โบราณคนอื่นๆ ได้ลงความเห็นว่า ไดโนเสาร์ตัวนี้อาจเป็น สัตว์เลื้อยคลานที่ว่ายน้ำได้ ประเภท พลีไซโอซอร์ หรือ โมซาซอร์ มากกว่าจะเป็นไดโนเสาร์ สไปโนซอรัส ที่เป็นไดโนเสาร์กึ่งบกกึ่งน้ำ และสามารถว่ายน้ำได้

อย่างไรก็ตาม ฟอสซิลของสัตว์ดึกดำบรรพ์ ไดโนเสาร์ สไปโนซอรัสนี้ ถือเป็นซากฟอสซิส ที่หลงเหลืออยู่ หลังถูกค้นพบใต้ดินเป็นครั้งแรกในทะเลทรายซาฮารา ของประเทศอียิปต์ ตั้งแต่ 100 ปีก่อน

จากนั้นได้มีการเคลื่อนย้ายไปยังพิพิธภัณฑ์ในเมืองมิวนิกประเทศเยอรมนี

ทว่า ซากฟอสซิลนี้ได้รับความเสียหายไปด้วย จากการถูกกองทัพพันธมิตรทิ้งระเบิดถล่มเยอรมนีใน ระหว่างเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2

นักโบราณคดีเชื่อว่า ลายมือบนกำแพงถ้ำโบราณWadi Sura II ไม่ใช่ลายมือมนุษย์

👨นักโบราณคดีเชื่อว่า ลายมือบนกำแพงถ้ำโบราณนี้ ไม่ใช่ลายมือมนุษย์ถ้ำ Wadi Sura II หรือเป็นที่รู้จักกันดีว่า ถ้ำแห่งสัตว์ ถูกค้นพบในปี 2002และถือว่าเป็นการค้นพบอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับด้านมานุษยวิทยาของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอียิปต์เมื่อ 8,000 ปีที่แล้ว ถ้ำเหล่านี้เต็มไปด้วยภาพวาดของบรรพบุรุษของพวกเรา ที่นำเสนอเรื่องราวการใช้ชีวิตของพวกเขา

👉แต่จากการค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ถ้ำแห่งนี้มีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะลายมือบนถ้ำที่ถูกคิดว่าเป็นลายมือของมนุษย์เด็ก จริงๆ แล้ว มีลายมือบางส่วนที่ไม่ใช่ลายมือของมนุษย์ !

เอมมานูเอล ฮอนอร์ นักโบราณคดีเป็นผู้ที่ตรวจสอบร่องรอยบนถ้ำแห่งนี้ กล่าวว่า ลายมือเหล่านี้เล็กเกินไปที่จะเป็นมือของเด็ก และนิ้วมายาวเรียวเกินไปอีกด้วย ส่วนถ้าจะเป็นลายมือของลิงก็ไม่น่าจะใช่เช่นกัน

👉สิ่งที่เขาคิดว่าน่าจะใกล้เคียงกับลายมือเหล่านี้มากที่สุด ก็คือสัตว์จำพวกสัตว์เลื้อยคลานต่างๆ อย่างเช่น ตะกวดหรือจระเข้

แล้วทำไมมือของสัตว์เลื้อยคลาน พวกนี้ถึงมาอยู่บนกำแพงได้ล่ะ ? ฮอนอร์กล่าวว่า ผู้คนในยุคหินนี้ อาจกำลังพยายาม
ทำนิทรรศการบางอย่างของพวกเขา ที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งธรรมชาติ

ซึ่งมันเป็นเรื่อง
ที่ท้าทายมาก ในการตีความภาพเหล่านี้ เนื่องจากเรามีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

😁แต่ในขณะคนบางกลุ่มเอง
ยังคงเชื่อว่า ลายมือเหล่านี้อาจไม่ใช่ทั้งมนุษย์และสัตว์
แต่เป็นสิ่งที่ชีวิตที่เราไม่เคยรู้จักที่อยู่บนโลกนี้ หรือ ที่มาจากดวงดาวอื่นก็เป็นได้