ผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อว่าสุนัขมีบรรพบุรุษเดียวกันกับหมาป่า คุณ Love Dalen กล่าวว่าการศึกษาหลายชิ้นที่จัดทำขึ้นก่อนหน้านี้
ได้ประมาณว่า บรรพบุรุษของสุนัข
กับหมาป่ามีชีวิตอยู่ราว 10,000 ถึง 15,000 ปีที่แล้ว
ได้ประมาณว่า บรรพบุรุษของสุนัข
กับหมาป่ามีชีวิตอยู่ราว 10,000 ถึง 15,000 ปีที่แล้ว
ในห้องแล็บในพิพิทธภัณฑ์ Natural History Museum ในสวีเดน คุณ Love นักสัตววิทยานำชิ้นส่วนของกระดูกของหมาป่า Taimyr ที่เขาขุดค้นพบใน Siberia มาให้ดู เขากล่าวว่าชิ้นกระดูกนี้แสดงให้เห็นว่าหมาป่าพันธุ์นี้มีประวัติทางพันธุกรรมในคาบสมุทร Taimyr ย้อนกลับไปในยุคน้ำแข็งที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุด
คุณ Love Dalen กล่าวว่าหมาป่าตัวนี้เป็นหมาป่าพันธุ์สุดท้ายที่มีบรรพบุรุษเดียวกันกับสุนัขบ้าน ดังนั้นจึงถือได้ว่าสุนัขบ้านกับหมาป่าเริ่มแยกจากการมีบรรพบุรุษเดียวกันราว 30,000 ปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่าสุนัขกลายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้านเมื่อราว 30,000 ปีที่แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นมานานกว่าที่คนเราเข้าใจกันถึงเท่าตัว
และเกิดคำถามว่า การกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของคน กับการเเยกกันด้านวิวัฒนาการระหว่างสุนัขกับหมาป่า เกิดขึ้นในคราวเดียวกันหรือไม่
คุณ Greger Larson กับเพื่อนร่วมงานทั่วโลกกำลังเก็บรวบรวมชิ้นกระดูกเก่าแก่หลายพันชิ้น และตัวอย่างดีเอ็นเอหลายพันตัวอย่าง เพื่อรวบรวมเป็นคลังข้อมูลขนาดใหญ่
คุณ Larson กล่าวว่าการวิจัยนี้มีเป้าหมายในการพยายามศึกษาค้นคว้าให้เห็นจริงว่า หมาป่ากลายเป็นสุนัขได้อย่างไร? และมีการแยกลักษณะทางพันธุกรรมและรูปพรรณสัณฐานที่เป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันได้อย่างไร? ตามเวลาที่ผ่านไป
สุนัขเป็นสัตว์ชนิดแรกที่กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของคน โดยคุณ Larson เชื่อว่าสุนัขกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของคนราวหลายพันปีที่แล้ว ก่อนที่สังคมมนุษย์จะเปลี่ยนจากสังคมล่าสัตว์และเก็บของป่า ไปเป็นสังคมที่ตั้งรกรากและทำเกษตรกรรม นักวิจัยชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเมื่อราว 10,000 ปีที่แล้วในหลายๆ ส่วนของโลกคุณ Larson ผู้เชี่ยวชาญแห่งมหาวิทยาลัย Oxford กล่าวว่าการที่สุนัขกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของคน สร้างการเปลี่ยนแปลงทางอารยธรรม เพราะการนำหมาป่าไปเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ทำให้มนุษย์มีความสัมพันธ์แบบใหม่กับสัตว์ในธรรมชาติ
และนำไปสู่ข้อถกเถียงที่ว่า หากคนเราไม่เริ่มเลี้ยงสุนัขในตอนนั้น แนวคิดการนำสัตว์มาเลี้ยงคงจะใช้เวลานานกว่านั้น กว่าจะถือกำเนิดขึ้น
และหากไม่เกิดขึ้นในตอนนั้น วิวัฒนาการอย่างอื่นๆ ก็จะล่าช้าออกไปเรื่อยๆ หรืออาจจะไม่มีวันเกิดขึ้น