♉Orbis Terrarum: แผนที่โบราณแห่งอาณาจักรโรมัน
ในอดีตกาลนานมาแล้วชาวโรมันเป็นชนอีกกลุ่มที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อยู่ในอารยธรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์
พวกเขาเป็นกลุ่มชนที่สร้างอารยธรรมสืบเนื่องมาจากชาวกรีกโบราณและขยายอิทธิพลของตัวเองไปทั่วโลก เมื่อเกิดการขยายอิทธิพลขึ้นแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาจะเป็นสิ่งอื่นใดไปไม่ได้นอกจากการสำรวจเพื่อค้นหาดินแดนและอารยธรรมใหม่ๆของพวกเขา ในวันนี้เราจะมาเปิดมุมมองในอดีตของชนชาวโรมันกันว่าแท้ที่จริงแล้วนั้นชนกลุ่มนี้มีมุมมองในเรื่องของแผนที่อย่างไร
Achilles กำลังต่อสู้กับ hector
ความเป็นมาแห่งอาณาจักรโรมัน และการสร้างแผนที่โบราณของ
ชนชาวโรมันในอดีตนั้นว่ากันว่าพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่อพยพมาจากกรุงทรอยในช่วงมหาสงครามที่เป็นตำนานเมื่อกษัตริย์อกาเมนน่อน (Agamemnon) ผู้นำแห่งนครเอเธนยาตราทัพมาเพื่อชิงเอาศรีภรรยาสุดที่รักซึ่งหนีตามชายชู้สุดหล่ออย่างเจ้าชายปารีสไป จนเป็นเหตุให้เกิดมหาสงครามทรอยที่สร้างตำนานวีรบุรุษตามมามากมายไม่ว่าจะเป็น ตำนานการต่อสู้สุดยิ่งใหญ่ระหว่าง
ความเป็นมาแห่งอาณาจักรโรมัน และการสร้างแผนที่โบราณของ
อคีลิส (Achilles) และ เจ้าชายเฮคเตอร์ (Hector) ตำนานการสังหารอคีลิสที่กลายมาเป็นคำพังเพยที่ฝรั่งนิยมใช้อย่างคำว่า Achilles’ heel หรือจุดอ่อนที่ทำให้ถึงตาย ซึ่งผลของศึกการต่อสู้ดังกล่าวนำมาสู่การล้มสลายของนครทรอย
การล้มสลายของทรอย
จากการล้มสลายของทรอยคุณผู้อ่านที่เคยได้ติดตามภาพยนตร์เรื่อง Troy ของผู้กำกับ วูล์ฟกัง ปีเตอร์เซน (Wolfgang Petersen) จะเห็นได้ว่าเฮกเตอร์ได้นำเอาภรรยาของตนไปดูทางหนีออกจากกรุงทรอยซึ่งเป็นเส้นทางลับในกรณีที่กรุงทรอยถูกยึดก็ให้นางพาผู้คนอพยพออกจากที่นี้ผ่านเส้นทางดังกล่าว ว่ากันว่าคนที่อพยพผ่านเส้นทางดังกล่าวนั้นก็คือบรรพบุรุษของชาวโรมันกลุ่มแรกนั้นเอง โดยชนกลุ่มนี้ได้อพยพมาตั้งรกรากยังดินแดนที่เรียกกันว่าประเทศอิตาลีในปัจจุบันนั้นเอง....
จากกรุงทรอยสู่โรมัน
เวลาผ่านไปจะเห็นได้ว่าชาวโรมันนั้นมีพัฒนาการขึ้นมาอย่างรวดเร็วในด้านต่างๆและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลกในยุคสมัยนั้นพวกเขาได้เดินทางไปยังดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปสู้รบกับอาณาจักรอื่นๆเพื่อขยายอาณาเขต หรือการเดินทางไปทำการค้ากับอาณาจักรข้างเคียง ซึ่งในการเดินทางไปยังดินแดนต่างๆนั้นพวกเขาได้จัดทำแผนที่ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของผู้คนในสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี
แผนที่ในทัศนะของชาวโรมัน
ลักษณะแผนที่โบราณของชาวโรมัน
ซึ่งจากแผนที่ของเขานั้นจะเห็นได้ว่าชาวโรมันสลับทิศตะวันตกมาเป็นทิศใต้แทน และมองทิศตะวันออกเป็นทิศเหนือ โดยการสำรวจดินแดนต่างๆนั้นจะเป็นเพียงการสำรวจอาณาจักรในทวีปยุโรป ตะวันออกไกล และ แอฟริกาทางตอนเหนือ ....โดยใช้วิธีการสำรวจตามบันทึกของผู้คนที่เคยเดินทางไปยังดินแดนต่างๆหรือเส้นทางที่เคยมีการยกทัพไปทำสงคราม นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าแผนที่
ซึ่งจากแผนที่ของเขานั้นจะเห็นได้ว่าชาวโรมันสลับทิศตะวันตกมาเป็นทิศใต้แทน และมองทิศตะวันออกเป็นทิศเหนือ โดยการสำรวจดินแดนต่างๆนั้นจะเป็นเพียงการสำรวจอาณาจักรในทวีปยุโรป ตะวันออกไกล และ แอฟริกาทางตอนเหนือ ....โดยใช้วิธีการสำรวจตามบันทึกของผู้คนที่เคยเดินทางไปยังดินแดนต่างๆหรือเส้นทางที่เคยมีการยกทัพไปทำสงคราม นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าแผนที่
ของชาวโรมันนั้นยังคงความเชื่อในแบบของผู้คนสมัยก่อนที่เชื่อว่าโลกแบนซึ่งชนชาวโรมันนั้นก็ยังคงมีความเชื่อในประเด็นดังกล่าวสะท้อนให้เห็นปรากฏอยู่บนแผนที่ของพวกเขา ...
ซึ่งสร้างความสับสนให้กับนักเดินเรือในยุคต่อมาเป็นอย่างมากเพราะนักเดินเรือในยุคต่อๆมานั้นถ้าหากพวกเขาเดินทางไปยังทิศเหนือก็จะกลายเป็นทิศตตะวันออกแทน เช่นเดียวกันถ้าหากนักเดินเรือเดินทางไปยังทิศตะวันตกก็จะกลายมาเป็นกำลังเดินทางไปยังทิศใต้แทนซึ่งจากแผนที่ดังกล่าวนั้นจะเห็นได้ว่ายังมีความสับสนอยู่พอสมควร
ส่งผลให้ในยุคต่อมาที่เป็นยุคของเหล่าพ่อค้าวานิชและนักเดินเรือนั้นมีการปรับปรุงแผนที่และมีการจัดทำแผนที่ให้เข้ารูปมากยิ่งขึ้นกลายมาเป็นแผนที่ในปัจจุบันที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง....
อย่างไรก็ตามเราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าชนชาวโรมันเป็นอีกหนึ่งชนเผ่าที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นชนเผ่าที่สร้างอิทธิพลเอาไว้อย่างกว้างขวางดังจะเห็นได้จากแผนที่ของนักประวัติศาสตร์ที่ได้เผยให้เห็นถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิ์โรมันซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นมหาอำนาจของโลกในยุคสมัยโบราณ ดังจะเห็นได้จากสิ่งปลูกสร้างและสถาปัตยกรรมที่ยังคงยืนหยัดผ่านการเวลามาอย่างยาวนานสมดังภาษิตที่ว่า กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว
