มักกะลีผลคืออะไร หรือว่าเป็น มนุษย์ต่างดาว?
บ้างเรียกว่านารีผล หรือมักกะลีผล หรือมัคคะลีผล เป็นพืชวิเศษชนิดหนึ่ง เกิดอยู่ในป่าหิมพานต์ ว่ากันว่า นารีผล ขั้วลูกอยู่ด้านบนศีรษะ มีรูปร่างเป็นหญิง ผลสด รูปร่างสะโอดสะอง สมส่วน ผิวพรรณงดงาม ปานเทพธิดา
ว่ากันว่า บางครั้ง ฤๅษีที่บำเพ็ญเพียรจนตบะกล้า กิเลสสงบรำงับ เพื่อจะทดสอบจิตตน ก็จะเหาะไปที่ต้นนารีผล มองดูนารีผล ว่าตนจะตบะแตกหรือไม่... หรือบางครั้งฤๅษีผู้เป็นอาจารย์ อาจจะพาลูกศิษย์ไปทดสอบระดับจิต ไปฝึกควบคุมจิต ที่นั่น ก็มี และว่ากันว่า พวกนักสิทธิ์วิทยาธร มักจะเหาะไปเก็บนารีผล อุ้มมาเชยชมแล้ว ฝึกจิตใหม่ ค่อยเหาะกลับออกมา นารีผล เป็นที่ต้องการของสัตว์วิเศษ (คนธรรพ์เป็นต้น) รวมถึงวิทยาธรทั้งหลายผู้ยังไม่หมดกามราคะ ดังนั้น การที่นารีผลจะเหี่ยวแห้งคาต้นแล้วร่วงหล่นนั้น เป็นไปได้ยาก ก่อนจะโรยรา จะมีเทวดา สัตว์วิเศษ และวิทยาธร เป็นต้นมาเก็บเอาไป
แล้วป่าหิมพานต์ นั้นอยูที่ไหน?
ป่าหิมพานต์ตำนานป่าหิมพานต์ ตามตำนานกล่าวไว้ว่าป่าหิมพานต์ตั้งอยู่บนเขา หิมพานต์ หรือหิมาลายา (หิมาลัย) คำว่า “หิมาลายา” นั้นเป็นคำที่ มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตซึ่งแปลว่าสถาน ที่ๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ภูเขาหิมพานต์ประดิษฐานอยู่ในชมพูทวีปมีเนื้อที่ ประมาณ ๓,๐๐๐ โยชน์ (๑ โยชน์ เท่ากับ ๑๐ ไมล์ หรือ ๑๖ กิโลเมตร) วัดโดยรอบได้ ๙,๐๐๐ โยชน์ ประดับด้วยยอด ๘๔,๐๐๐ ยอด มีสระใหญ่ ๗ สระคือ ๑ สระอโนดาต ๒ สระกัณณมุณฑะ ๓ สระรถการะ ๔ สระฉัททันตะ ๕ สระกุณาละ ๖ สระมัณฑากิณี ๗ สระสีหัปปาตะ บรรดาสระใหญ่ทั้ง ๗ นั้น สระอโนดาตแวดล้อมไปด้วยภูเขาทั้ง ๕ ที่จัดเป็นยอดเขาหิมพานต์ ยอดเขาทุกยอด มีส่วนสูงและสัณฐาน ๒๐๐ โยชน์ กว้างและยาวได้ ๕๐ โยชน์
ในป่านี้เต็มไปด้วย สัตว์นานาชนิด ซึ่งล้วนแต่แปลกประหลาด ต่างจากสัตว์ที่เราๆรู้จัก บ้างก็ว่า สัตว์เหล่านี้เกิดจากจินตนาการของ จิตรกร ที่ได้สรรค์สร้าง ภาพต่างๆจาก เอกสารเก่าต่างๆ
ป่าหิมพานต์อยู่แห่งไหน
ตามตำนานกล่าวไว้ว่าป่าหิมพานต์ตั้งอยู่บนเขา หิมาลายาหรือหิมาลัย คำว่า “หิมาลายา” นั้นเป็นคำที่ ีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต ซึ่งแปลว่าสถาน ที่ๆ ถูกปกคลุมด้วยหิมะ ทางด้านภูมิศาสตร์หิมาลัยเป็น เทือกเขาในทวีปเอเชีย ประกอบไปด้วยเขาแนว ขนานหลายๆลูก และเป็นเทือกเขาที่มียอดเขาสูง ชัน กว่า ๓๐ ยอดเขามีความสูงเกิน ๗,๖๒๐ เมตร (๒๕,๐๐๐ ฟุต) โดยมียอดเขาเอเวอเรสต์ซึ่งสูงถึง ๘,๕๓๕ เมตร (๒๙,๐๒๙ ฟุต) เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก.
ความกว้างโดยเฉลี่ยของเทือกเขาหิมาลัยอยู่ที่ประ มาณ ๒๐๐ กิโลเมตร เทือกเขาพาดเป็นแนวจากทิศ ตะวันออกไป ทิศตะวันตกถึงตอนกลางของประเทศ เนปาล และเป็นแนวจาก ทิศตะวันออก เฉียงใต้ไปทิศ ตะวันตกเฉียงเหนือครอบคลุม อาณาบริเวณหลายประเทศจากอาฟกานิสถาน ปากีสถาน จีน อินเดีย เนปาล ภูฏาณ บังคลาเทศ และสหภาพพม่า
ภูมิอากาศของเทือกเขาหิมาลัยนั้นค่อนข้างจะคาดคะเนลำบาก แต่โดยรวมแล้วขึ้นอยู่กับระดับความสูง อุณหภูมิจะอยู่ในระดับต่ำ ในเขตภูเขาสูงและในเขต เนินเขาจะมีความชื้นสูง
วรรณกรรมกับตำนานป่าหิมพานต์
สัตว์ส่วนใหญ่ที่ถูกกล่าวถึงในศิลปะและวรรณกรรมของ ประเทศอินเดียและประเทศไทยอาศัยอยู่ในป่า หิมพานต์ป่านี้มีที่ตั้งอยู่ระหว่างเขตประเทศอินเดีย และเนปาล เหนือป่าหิมพานต์ขึ้นไปเป็นสวรรค์ในตำนานของชาวพุทธ ว่ากันว่าคนสามัญธรรมดาไม่ สามารถมองเห็นและ ย่างกรายเข้ามายังป่าแห่งนี้ได้ สัตว์หิมพานต์เหล่านี้นี่เอง ที่ได้ถูกนำมาประยุกต์เป็น ลวดลายงดงามไม่ว่า จะเป็นรูปปั้น รูปวาด รูปแกะสลัก หรือ เครื่องประดับต่างๆ .
รามายณะ:
นักปราชญ์ชาวอินเดียชื่อวาลมีคิได้ประพันธ์มหา กาพย์รามายณะ เมื่อประมาณ ๒,๐๐๐ ปีที่แล้วและได้ ถูกเผยแพร่ไปยังหลาย ประเทศในแถบทวีปเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยเอง ก็มีเรื่องที่ถูก ดัดแปลงมาจากเรื่องรามานณะเช่นกันโดยใช้ชื่อว่า “รามเกียรติ์”
เรื่องราวโดยรวมของรามายณะนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับการต่อสู้ ระหว่างเมืองอยุธยาซึ่งเป็นเมืองของ ฝ่ายเทวดาและเมืองลังกา ซึ่งเป็นนครของฝ่ายยักษ์ ตัวเอกของเรื่องคือพระราม (ราม) แห่งเมืองอยุธยามี พระมเหสีชื่อนางสีดา (สิตา) แต่นางสีดา ถูกลักพาตัว โดยพญายักษ์ผู้ครองเมืองลังกาชื่อทศกัณฑ์ (ราวะณะ) ท้ายที่สุดฝ่ายยักษ์ก็ปราชัยโดยทางฝ่าย พระรามมีน้องชาย ชื่อพระลักษณ์ (ลัคชมะณะ) และพญาลิงหนุมานช่วยในการทำศึก
มีตัวละครหลายตัวในมหากาพย์เรื่องนี้ถูกจัดว่าเป็น สัตว์หิมพานต์ บางตัวก็มีส่วนช่วยฝ่ายพระรามในการทำศึก และบางตัว สวามิภักดิ์ต่อฝ่ายทศกัณฑ์
เหตุไฉน ป่าหิมพานต์ ในตำนานที่อุดมสมบูรณ์ กลับ ปกคลุมไปด้วย น้ำแข็งและหิมะ
และถ้ามีจริงใน อดีตกาล เพียบพร้อมไปด้วย สัตว์ป่าหิมพานต์
ทำไมเราจึงไม่พบซาก หรือฟอสซิล ของสิ่งมีชิวิตเหล่านั้น....
ตำนานย่อมมีที่ไป ที่มา แม้จะผ่านกาลเวลา ผ่านการปรุ่งแต่งมาพอสมควร
อาจเป็นไปได้หรือไม่ว่า ในอดีตการนั้น ในบริเวรเทือกเขาหิมาลัย
อาจเคยเป็น ที่ตั้งของประตูมิติ ไปสู่อีกโลกหนึ่ง หรืออีกดาวดวงหนึ่ง
ซึ่งยุคสมัยนั้น ได้มีผู้ทรงปัญญา เข้ามาเริ่มเพยแพร่ ความรู้ในเอเชีย
และคนสมัยนั้น เรียกพวกเขาว่า "เทพ"