มลภาวะอากาศเป็นพิษเริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลกทำให้เชื้อโรคต่างๆเกิดการดื้อยาและวิวัฒนาการมีความร้ายแรงเพิ่มขึ้นนักวิทยาศาสตร์เตือนมลพิษทางอากาศ ทำให้
เชื้อโรคดื้อยามากขึ้นเสี่ยงทำให้คนตายเพิ่มมากขึ้น
นักวิทยาศาสตร์เตือน มลพิษทางอากาศ ทำให้เชื้อโรคดื้อยามากขึ้น เสี่ยงทำคนตายเพิ่มขึ้นอีกราว 840,000 คน พร้อมเน้นย้ำว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกประเทศและทุกทวีป
นี่เป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างอากาศสกปรกกับเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยคาดคิดมาก่อน จากการวิเคราะห์ข้อมูล 116 ประเทศทั่วโลกในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เผยให้เห็นว่าจำนวนเชื้อดื้อยากำลังเพิ่มขึ้นตามอนุภาคมลพิษทางอากาศ
องค์การอนามัยโลก (WHO) เคยประเมินไว้ว่าเชื้อดื้อยาทำให้คนตายประมาณ 1.3 ล้านคนต่อปี สาเหตุเนื่องมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะที่ไม่ถูกต้อง กินไม่ครบตามที่หมอสั่ง และใช้กันอย่างทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ในฟาร์มปศุสัตว์
สิ่งเหล่านี้ทำให้เชื้อโรคมีโอกาสพัฒนาตัวเองให้ต่อต้านยาฆ่าเชื้อได้ ทำให้กลายเป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ยังไงก็ตามวิจัยไม่ได้บอกว่าอะไรทำให้เชื้อดื้อยาเกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ แต่รู้ว่าเมื่อระดับ PM 2.5 เพิ่มขึ้น เชื้อก็สูงขึ้นตาม
มลพิษทางอากาศที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1% ทำให้เชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.5 ถึง 1.9% สิ่งนี้เป็นจริงในทุกประเทศ แต่ประเทศแถบแอฟริกาเหนือและเอเชียตะวันตกจะุรนแรงเป็นพิเศษ
“องค์ประกอบการดื้อยาปฏิชีวนะที่นำพาโดยมลพิษทางอากาศอาจสัมผัสโดยตรงกับมนุษย์ ซึ่งนั่นเสี่ยงอย่างมาก” หง เฉิน ผู้เขียนนำจากมหาวิทยาลัยเจ้อเจียง ประเทศจีน กล่าว
เขาเสริมว่ายีนของเชื้อดื้อยาอาจปนเปื้อนในอากาศและเกาะเข้ากับอนุภาคฝุ่น PM 2.5 กระจายไปตามที่ต่าง ๆ และมนุษย์ก็หายใจเอามันเข้าไปในร่างกายด้วยเช่นกัน แม้ทีมวิจัยจะบอกว่ายังต้องการวิเคราะห์เพิ่มเติม
แต่หากแนวโน้มนี้ถูกต้อง ระดับการดื้อยาของเชื้อโรคจะสูงขึ้นถึง 17% ภายในปี 2050 ซึ่งทำอาจทำให้คนกว่า 840,000 คนเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้น (คิดจากจำนวนการเสียชีวิตในปัจจุบัน) ตัวเลขนี้ยังไม่รวมผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศ
ทุกวันนี้มีหลายประเทศที่คุณภาพอากาศอยู่ในระดับ ‘ไม่ดีต่อสุขภาพอย่างยิ่ง’ และ ‘อันตราย’ ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการ
งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการควบคุมมลพิษทางอากาศได้สองเท่า ไม่เพียงแต่จะลดผลกระทบที่เป็นอันตรายจากคุณภาพอากาศที่ไม่ดีเท่านั้น ยังสามารถมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับการเพิ่มขึ้นและการแพร่กระจายของแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะได้” นักวิจัยเขียนในรายงาน