พบกระจู๋หินโบราณเอาไว้ลับดาบ พบหินรูปอวัยวะเพศชายที่สเปนยาว 6 นิ้วเชื่อว่าเอาไว้ลับคมดาบเป็นของจากศตวรรษที่ 15
โบราณวัตถุชิ้นนี้เป็นอะไรที่น่าค้นหาและตื่นเต้นมากเลยนะครับ เมื่อนักโบราณคดีพบกระจู๋หินโบราณ ที่นักโบราณคดีอ้างว่าเอาไว้ลับดาบ!
เมื่อนักโบราณคดีพบหินที่มีรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายขนาด 6 นิ้วหรือประมาณ 15 เซนติเมตร
จากการตั้งสมมติฐานน่าจะคิดได้ว่าคนโบราณเขามีความคิดที่สุนทรีย์และมีความคิดสร้างสรรค์มากเลยนะครับที่สามารถจินตนาการและทำกระจู๋หินออกมาเพื่อจะเอาไว้ลับดาบลับมีดมันเป็นอะไรที่สร้างสรรค์มากๆเลยนะครับเดี๋ยวเข้ามาอ่านรายละเอียดตามข่าวเลยดีกว่า
มีกระจู๋ไว้ลับดาบ! นักโบราณคดีพบหินที่มีรูปร่างคล้ายอวัยวะเพศชายขนาด 6 นิ้วหรือประมาณ 15 เซนติเมตร ระหว่างที่ขุดค้นแหล่งโบราณคดีตรงบริเวณปากแม่น้ำ Ría de Vigo ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน คาดเป็นของที่มาจากช่วงกลางศตวรรษที่ 15
แม้สิ่งของที่มีรูปร่างแบบเจ้ากระจู๋นี้จะไม่ใช่เรื่องแปลกของโลกยุคโบราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในดินแดนของอาณาจักรโรมัน แต่ก็ต้องเป็นที่สะดุดตาสำหรับคนที่พบทุกครั้งไป
และของชิ้นนี้ดูจะพิเศษกว่าใครเพื่อน มันไม่ได้มีไว้เป็นเครื่องลางหรือของตกแต่ง แต่มันมีไว้ใช้เพื่อลับมีด!
Darío Peña-Pascual นักโบราณคดีร่วมกับ Arbore Arqueoloxía ซึ่งเป็นองค์กรหน่วยงานด้านการโบราณคดีและการขุดค้นโบราณสถานที่ในประเทศสเปน ได้บอกว่าหินที่ใช้ลับคมดาบหรือมีดนั้นง่ายต่อการระบุ
“เนื่องจากยังคงมีร่องรอยของวัสดุที่พวกเขาใช้ลับคมอยู่” เขากล่าว โดยในกรณี “วัตถุ(หินกระจู๋)ยังคงมีร่องรอยการสึกหรอตรงด้านที่สามารถใช้เป็นหินลับคมได้”
แม้จะไม่ค่อยแน่ใจถึงความหมายของหินรูปร่างนี้จริง ๆ แต่การพบมันตรงซากหอคอยเก่าที่ถูกทำลายไปแล้วได้ช่วยให้นักโบราณคดีพอมีเบาะแส Peña-Pascual บอกว่าหอคอยนี้คือป้อมปราการที่ถูกทำลายระหว่างการประท้วงต่อต้านอำนาจในการปฎิวัติอิร์มานดิโน
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านขุนนางผู้ปกครอง และรูปร่างอวัยวะเพศชายในช่วงเวลานั้นถือว่าเป็น ‘วัตถุแห่งความเลื่อมใส’
ซึ่งไม่ได้ถือว่าเป็นคำหยาบคาย มันมักถูกใช้เป็นอุปกรณ์ป้องกันจากความชั่วร้าย และบางที ชาวบ้านผู้ลุกฮืออาจใช้มันลับคมเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้ดาบ
“มันเป็นวัตถุที่น่าสนใจเพราะมันไม่ธรรมดาและเพราะมันแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงสัญลักษณ์ระหว่างความรุนรง อาวุธ และความเป็นชาย ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่เรารู้ว่ามีอยู่ในยุคกลางและมีอยู่ในวัฒนธรรมของเราทุกวันนี้” Peña-Pascual กล่าวปิดท้าย
