อาเรกิปาเมืองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินภูเขาไฟสีขาว เรียกเมืองนี้่ว่า "เมืองสีขาว"ได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกใน ค.ศ. 2000
อาเรกิปา (สเปน: Arequipa) เป็นเมืองหลักของแคว้นอาเรกิปาทางตอนใต้ของประเทศเปรู และเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นที่สองรองจากลิมา อาเรกิปาตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาแอนดีสที่ความสูง 2,380 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และอยู่ใกล้ภูเขาไฟมิสติ
อาคารหลายแห่งในเมืองที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินภูเขาไฟสีขาว ทำให้เมืองนี้มีชื่อเล่นว่า "เมืองสีขาว" (La Ciudad Blanca) ศูนย์กลางประวัติศาสตร์เมืองอาเรกิปาได้รับเลือกให้เป็นแหล่งมรดกโลกใน ค.ศ. 2000
ชื่อเมือง
กล่าวกันว่าที่มาของชื่ออาเรกิปามาจากภาษาเกชัว Ari, quepay ซึ่งแปลว่า "ใช่ ที่นี่แหละ" ซึ่งเป็นคำพูดของไมตา กาปัก กษัตริย์อินคาองค์ที่สี่ เมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นเมืองนี้
แต่นักวิชาการสันนิษฐานจากร่องรอยของชาวพื้นเมืองจากทะเลสาบติติกากาว่าชื่ออาเรกิปาน่าจะมาจากภาษาไอมารา ari แปลว่ายอด และ quipa แปลว่าอยู่ข้างหลัง ซึ่งรวมกันหมายถึง "เมืองที่อยู่หลังภูเขาไฟมิสติ"
ศูนย์กลางประวัติศาสตร์
นครอาเรกิปา *
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
ประวัติ
จากหลักฐานทางโบราณคดีพบว่ามีผู้คนอาศัยอยู่ในหุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ที่เป็นที่ตั้งของอาเรกิปาตั้งแต่สมัย 6,000–5,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช
นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าชาวไอมาราอาศัยอยู่ในบริเวณนี้เมื่ออาณาจักรอินคาเข้ายึดครองอาเรกิปาในคริสต์ศตวรรษที่ 15 เมืองอาเรกิปาได้รับการก่อตั้งขึ้นใหม่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1540 โดยการ์ซี มานูเอล เด การ์บาฆัล ซึ่งเป็นทหารที่ฟรันซิสโก ปิซาร์โร ส่งมา
พระเจ้าการ์โลสที่ 1 แห่งสเปนทรงแต่งตั้งอาเรกิปาให้เป็นเมืองและพระราชทานตราประจำเมืองที่ยังคงใช้ในปัจจุบัน อิทธิพลของสเปนหลงเหลืออยู่ในสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในเมืองจนทุกวันนี้ อาเรกิปาค่อนข้างจะแยกตัวจากส่วนอื่น ๆ ของประเทศในสมัยที่อยู่ภายใต้การปกครองของสเปนและช่วงเริ่มต้นการเป็นสาธารณรัฐ
แต่เมื่อทางรถไฟและถนนที่เชื่อมระหว่างเมืองนี้กับภูมิภาคอื่น ๆ เปิดใช้ อาเรกิปาก็กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าระหว่างลิมากับเขตเปรูตอนใต้
อาเรกิปาเป็นฐานกำลังของพวกชาตินิยมในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่เปรูเรียกร้องเอกราชจากสเปน และภายหลังยังเป็นที่ชุมนุมในระหว่างสงครามมหาสมุทรแปซิฟิกที่รบกับชิลีอีกด้วย
เมืองอาเรกิปาเคยประสบภัยจากแผ่นดินไหวหลายครั้ง ใน ค.ศ. 2001 เกิดแผ่นดินไหวที่มีขนาดใหญ่ถึงขนาด 7.9
ใน ค.ศ. 2002 เกิดการหยุดงานและการประท้วงอย่างรุนแรงเพื่อต่อต้านการแปรรูปโรงงานไฟฟ้าท้องถิ่น จนทำให้ประธานาธิบดีอาเลฆันโดร โตเลโดต้องประกาศให้เป็นสภาวะฉุกเฉิน