ธรรมชาติมักทำให้มนุษย์ทึ่งอยู่เสมอๆ แม้กระทั่งยุคปัจจุบันมนุษย์ก็ยังคงทึ่งต่อไป
ทุกครั้งที่ขุดพบฟอสซิลและหลักฐานอื่นๆ ที่โลกของเราเคยมีสิ่งมหัศจรรย์เมื่อหลายพันล้านปีก่อน
แต่ทว่าซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่ขุดพบนั้น แท้จริงแล้วมีน้อยกว่า หากเมื่อเทียบกับปริมาณสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่ในโลกนี้
เพราะซากสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่จะถูกทำลายไปตามธรรมชาติ ยกเว้นก็แต่ว่ามันมี “สภาวะพิเศษ”เช่น มีการทับถมตกจมตัวและถูกเก็บรักษาไว้อย่างรวดเร็ว หรือ สภาวะอากาศเย็นจัดหรือแห้งแล้ง
ซึ่งเป็นสภาวะที่ไม่เหมาะสมต่อการดำรงชีวิตของจุลินทรีย์ ทำให้รอดพ้นจากการถูกย่อยสลายเช่น “ซากปริศนา” ที่พบในประเทศอาร์เจนตินา
โจเซ อันโตนิโอ นีวาส ผู้พบซากปริศนาลักษณะคล้ายไข่ไดโนเสาร์ขนาดยักษ์ สีดำมะเมื่อม
เขาเล่าว่า
“ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ผมเพียงออกมาเดินเล่นรอบๆ ฟาร์มของครอบครัวเท่านั้น
ตอนแรกผมคิดว่าต้องใช่ไข่ไดโนเสาร์แน่ๆ เพราะมันขนาดใหญ่มาก และมันกลมๆ เหมือนไข่ ไม่รู้สิ
ผมตื่นเต้น จึงวิ่งไปบอกภรรยาและคนอื่นๆ ให้มาดู”
งานนี้หนุ่มโจเซ ไม่รู้ไม่เป็นไร เพราะงานนี้ต้องยกให้ อาเลจานโดร ครามาร์ส นักบรรพชีวินวิทยา
แห่งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ Bernadino Rivadavia เป็นผู้ไขความลับนี้ โดยเขากล่าวว่า
“ไม่มีข้อสงสัย นี่คือกระดองของกลิปโทดอน”
สัตว์ชนิดนี้เป็นบรรพบุรุษของ “อมาดิลโล” และสูญพันธุ์ไปหลายพันปี
แต่ไม่แปลกที่จะพบซากมันในทวีปอเมริกาใต้รวมไปถึงอุรุกวัย และบราซิลเมื่อหลายสิบล้านปีมาแล้ว
ซึ่งซากกลิปโทดอนที่พบยังนี้ยังมีขนาดโตไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ เพราะมันน่าจะอายุราว 10,000 ปีเพียงเท่านั้น
ซึ่งกลิปโทดอนตัวโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่และมีน้ำหนักราว 1 ตันเลยทีเดียว
