รูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา
รูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา
ถ่ายเมื่อปี ค.ศ. 1950 Stone Head of Guatemala
ค้นหา
Custom Search
รูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา
(Stone Head of Guatemala)
ค้นพบที่กลางป่าเเห่งหนึ่ง เมือง La democracia ประเทศกัวเตมาลา
รูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาดูคล้าย
โมอายเเห่งเกาะอีสเตอร์ (Easter Island) เป็นรูปภาพโบราณที่แสดงให้เห็นถึงรูปปั้นยักษ์มีศีรษะขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายกับใบหน้ามนุษย์
แต่น่าเสียดายที่รูปภาพนี้ถูกถ่ายไว้เมื่อนานมาแล้ว อีกทั้งเจ้าของภาพก็เสียชีวิตลงไปแล้วด้วย ทำให้ไม่มีใครทราบที่ตั้งของรูปปั้นนี้ได้ชัดเจน และแล้วเรื่องราวของรูปภาพนี้ก็กลายเป็นที่สนใจเเก่นักวิจัยยูเอฟโอ
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1986 ออสการ์ ราฟาเอล ปาดีย่า ลาร่า (Oscar Rafael Padilla Lara) นักวิจัยยูเอฟโอ เขาได้รับรับภาพถ่ายโบราณมา เขาอ้างว่าภาพนี้ถ่ายมาจากกลางป่าแห่งหนึ่งในประเทศกัวเตมาลา ถ่ายเมื่อปี 1950 เขากล่าวว่า "รูปปั้นมีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า น่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกยุคโบราณ เเละอาจมาเยือนก่อนชาวสเปนมาถึงทวีปอเมริกาด้วยซ้ำ"
เดวิด ฮัตเชอร์ ชิลเดรส
(David Hatcher Childress) นักโบราณคดี เดินทางไปค้นหาความจริงของเรื่องรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา ใช้เวลาค้นหาสถานที่ดังกล่าวอยู่นาน จนกระทั่งได้เบาะแสจากครอบครัวหนึ่ง ที่อ้างตัวเองว่าเป็นญาติของผู้ถ่ายภาพดังกล่าว เขาจึงไม่รอช้าออกเดินทางเพื่อตามหาเบาะแสที่ได้รับทันที เขาเดินทางไปที่เมือง
La democracia
ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศกัวเตมาลา และเมื่อเดินทางออกจากเมืองนี้ไปได้ 10 กิโลเมตร เขาก็ได้พบรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา ตั้งอยู่กลางป่าจริงๆ แต่น่าเสียดายที่การค้นพบครั้งนี้ไม่น่าประทับใจมากนัก เพราะรูปปั้นค่อนข้างได้รับความเสียหายจากผลพวงของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างกองกำลังของรัฐบาล และกลุ่มกบฎภายในประเทศกัวเตมาลา ชิลเดรสตรวจสอบรูปปั้นพบว่า ถูกสร้างขึ้นจากหินทรายอ่อน วัดความสูงได้ 4-6 เมตร ลักษณะของมันมีความประณีตงดงาม เขาเชื่อว่ารูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาน่าจะถูกสร้างขึ้นโดยชาวมายา แต่ไม่อาจประมาณช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ แต่น่าจะสร้างขึ้นราวๆ 1,400-1,000 ปีก่อนคริสตกาล หลังสิ้นสุดการสำรวจ ชิลเดรสเผยแพร่เรื่องราวการค้นพบรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาลงในหนังสือที่ตัวเองเขียนขึ้น ต่อมา เรื่องราวของรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา โดยที่ไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วรูปปั้นถูกสร้างขึ้นโดยชาวมายาหรือมนุษย์ต่างดาวกันเเน่
(David Hatcher Childress) นักโบราณคดี เดินทางไปค้นหาความจริงของเรื่องรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา ใช้เวลาค้นหาสถานที่ดังกล่าวอยู่นาน จนกระทั่งได้เบาะแสจากครอบครัวหนึ่ง ที่อ้างตัวเองว่าเป็นญาติของผู้ถ่ายภาพดังกล่าว เขาจึงไม่รอช้าออกเดินทางเพื่อตามหาเบาะแสที่ได้รับทันที เขาเดินทางไปที่เมือง
La democracia
ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของประเทศกัวเตมาลา และเมื่อเดินทางออกจากเมืองนี้ไปได้ 10 กิโลเมตร เขาก็ได้พบรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลา ตั้งอยู่กลางป่าจริงๆ แต่น่าเสียดายที่การค้นพบครั้งนี้ไม่น่าประทับใจมากนัก เพราะรูปปั้นค่อนข้างได้รับความเสียหายจากผลพวงของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างกองกำลังของรัฐบาล และกลุ่มกบฎภายในประเทศกัวเตมาลา ชิลเดรสตรวจสอบรูปปั้นพบว่า ถูกสร้างขึ้นจากหินทรายอ่อน วัดความสูงได้ 4-6 เมตร ลักษณะของมันมีความประณีตงดงาม เขาเชื่อว่ารูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาน่าจะถูกสร้างขึ้นโดยชาวมายา แต่ไม่อาจประมาณช่วงเวลาได้อย่างแม่นยำ แต่น่าจะสร้างขึ้นราวๆ 1,400-1,000 ปีก่อนคริสตกาล หลังสิ้นสุดการสำรวจ ชิลเดรสเผยแพร่เรื่องราวการค้นพบรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาลงในหนังสือที่ตัวเองเขียนขึ้น ต่อมา เรื่องราวของรูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา โดยที่ไม่มีใครทราบว่าแท้จริงแล้วรูปปั้นถูกสร้างขึ้นโดยชาวมายาหรือมนุษย์ต่างดาวกันเเน่
รูปปั้นยักษ์เเห่งเม็กซิโก
นักโบราณคดีกระเเสหลักอธิบายว่า รูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาอาจจะเป็นผลงานของอารยธรรมโอลเมก (Olmec) ที่รุ่งเรืองอยู่ในประเทศเม็กซิโกเมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล ชาวโอลเมคมีผลงานการแกะสลักเป็นที่รู้จักกันในชื่อ ศิลาหน้าคนขนาดยักษ์ (Colossal Heads) มันคือการแกะสลักหินบะซอลต์ก้อนขนาดใหญ่ก้อนเดียวให้กลายเป็นใบหน้าของมนุษย์ขนาดมหึมา ชาวโอลเมคไม่ได้ทิ้งบันทึกเอาไว้ชัดเจนว่า แกะสลักใบหน้าศิลาเหล่านี้ขึ้นมาเพื่ออะไร ทั้งนี้ นักโบราณคดีเสนอว่า ศิลาใบหน้ามนุษย์ น่าจะถูกแกะสลักขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงพระมหากษัตริย์ของชาวโอลเมค
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า พื้นที่บริเวณประเทศกัวเตมาลา เป็นที่อยู่อาศัยของอารยธรรมมายา (Maya civilization)
เเต่รูปปั้นยักษ์ไม่ได้มีลักษณะคล้ายใบหน้าของชาวมายาหรือชนเผ่าในดินแดนแห่งนี้เลย น่าเเปลกที่รูปปั้นมีหน้าตาลักษณะดี ดวงตาปิด จมูกสวยงาม มีริมผีปาก และใบหน้าแหงนมองบนฟ้า ซึ่งไม่สอดคล้องจากใบหน้าของชาวมายาทั้งสิ้น น่าจะเป็นการสร้างผิดพลาด หรือไม่ก็เป็นเรื่องหลอกลวง นี่เป็นเพียงถ่ายภาพเท่านั้น ส่วนรูปปั้นของจริงถูกทำลายในช่วงปี 1980-1983 ช่วงเกิดการปฏิวัติกัวเตมาลา
ทฤษฎีนักบินอวกาศโบราณเสนอว่า รูปปั้นยักษ์เเห่งกัวเตมาลาอาจไม่ได้ถูกสร้างโดยมนุษย์ แต่น่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวซะมากกว่า
โดยจะเห็นได้ว่ารูปปั้นยักษ์ถูกสร้างอย่างประณีตงดงาม อวัยวะต่างๆ บนใบหน้าถูกสร้างขึ้นอย่างลงตัว เกินความสามารถของมนุษย์ในยุคนั้น และที่สำคัญรูปปั้นนี้มีลักษณะที่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับว่ามองดวงดาว หรือมองยูเอฟโอ