![]() |
เผยเรื่องราวสุดแปลก ทำไมสาวญีปุ่นสมัยก่อนต้องทาฟันให้เป็น "สีดำ" ด้วยนะ ?!ฟันดำขลับเลยนะ แต่ของคนไทยสมัยก่อนไม่ต้องทาเลย แค่เคี้ยวหมากก็ออกเป็นสีดำๆได้ไม่แพ้กัน
ค่านิยมในเรื่องความสวยงามของคนในสังคมย่อมพัฒนาไปตามยุคสมัย ถ้าเราจะมองย้อนกลับไปในอดีต สิ่งที่คนโบราณเห็นว่าสวยงามเมื่อมาอยู่ในยุคปัจจุบันอาจจะต่างกันก็ได้ วันนี้เราจะพาทุกท่านไปพบกับ ค่านิยมในเรื่องความงามอย่างหนึ่งของคนญี่ปุ่นในสมัยก่อน ที่เรามาดูในตอนนี้มันช่างแปลกยิ่งนัก จะเป็นเรื่องอะไรนั้น เลื่อนลงไปชมพร้อมๆกันเลย
![]() |
โอฮากุโระ – ฟันสีนิล
สตรีโฉมงามตามพิมพ์นิยมสมัยเอฮัน (คศ.794 – 1185) ผู้หญิงจะต้องมีรูปร่างออกท้วมๆ ผมยาวดำขลับ แต่งหน้าด้วยแป้งที่ทำให้หน้าขาว คิ้วนี่ถือว่าสำคัญจึงต้องเขียนให้ดำสนิทและอยู่สูงขึ้นไปทางกลางหน้าผาก ปากต้องสีแดงสดอย่างกับเลือดนก และฟันต้องดำสนิท
สตรีโฉมงามตามพิมพ์นิยมสมัยเอฮัน (คศ.794 – 1185) ผู้หญิงจะต้องมีรูปร่างออกท้วมๆ ผมยาวดำขลับ แต่งหน้าด้วยแป้งที่ทำให้หน้าขาว คิ้วนี่ถือว่าสำคัญจึงต้องเขียนให้ดำสนิทและอยู่สูงขึ้นไปทางกลางหน้าผาก ปากต้องสีแดงสดอย่างกับเลือดนก และฟันต้องดำสนิท
คำว่า "โอฮาคุโร" เป็นคำที่แปลอย่างตรงตัวเลยว่า "ฟันสีดำ" เหตุที่ต้องทำฟันให้เป็นสีดำนั้น เนื่องจากบรรดาหญิงญี่ปุ่นมักจะทำแป้งให้หน้าขาวอยู่เสมอ เมื่อยิ้มฟันที่เป็นสีขาวจะดูหมองลงกลายเป็นสีเหลืองเมื่อตัดกับสีผิวของใบหน้า จึงเกิดการเริ่มย้อมฟันให้เป็นสีดำ อีกเหตุผลนึงก็เพื่อให้รับกับสีของเส้นผมที่ดำสนิทและทำให้หน้าตาดูมีมิติกว่าเดิม
คนไทยเราอาจจะคุ้นชินกับคุณย่าคุณยายที่นิยมเคี้ยวหมาก ก็จะเห็นว่าพวกท่านมีฟันที่เป็นสีดำเพราะเคี้ยวหมากเช่นกัน แต่คนญี่ปุ่นไม่มีวัฒนธรรมเคี้ยวหมาก การที่จะให้ฟันเป็นสีดำนั้นต้องย้อมด้วยสีที่ทำขึ้นเอง
(ไม่ใช่เอาหมึกที่ใช้เขียนหนังสือมาทานะ อันนั้นมันดูจะโหดร้ายไป)
![]() |
ขึ้นตอนในการย้อมฟัน ผู้ที่จะย้อมต้องทำสีขึ้นมาก่อนโดยใช้ผงตะไบจากเหล็กนำมาใส่ในน้ำส้มสายชูและสีดำที่สกัดมาจากพืชชนิดหนึ่ง เมื่อผสมกันจนเข้าที่ก็จะนำมาทาที่ฟัน สีนี้จะติดฟันไปประมาณ 2-3 วัน และต้องทำใหม่เรื่อยๆ สุดท้ายสีจากน้ำยาก็จะค่อยๆ ซึมลงไปในเนื้อฟันทำให้การย้อมในครั้งต่อไปเป็นเรื่องง่ายกว่าเดิม
(ภาพด้านบนเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่ย้อมฟันเป็นระยะเวลานานๆ
กับฟันคนปกติ จะเห็นได้ว่าสีซึมลงไป
ในเนื้อฟันและติดอยู่อย่างนั้นจนเจ้าของฟันจากไป)
ไม่ใช่เพียงแค่เหล่าผู้หญิงจะต้องย้อมแค่นั้น ซามูไรชั้นสูงตามตระกูลต่างๆ ก็นิยมทำเช่นกัน เพื่อช่วยปกปิดฟันที่ผุหรือฟันหลอเวลายิ้มจะได้มั่นใจไม่ต้องเม้มปากไม่กล้ายิ้ม ค่านิยมเรื่องฟันสีนิลของชาวญี่ปุ่นค่อยๆ เริ่มจางหายไปเมื่อมีการเปิดรับวัฒนธรรมจากต่างชาติ "โอฮาคุโร" จึงค่อยๆ เสื่อมความนิยมไปเรื่อยๆ แต่ยังหาดูได้ในงานแสดงทางด้านวัฒนธรรมเป็นครั้งคราว และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวไปแทนเมื่อมีคนนำไปใส่ในหนังสยองขวัญ หรือ "มังงะ" สยองขวัญ
(ภาพด้านบนเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่ย้อมฟันเป็นระยะเวลานานๆ
กับฟันคนปกติ จะเห็นได้ว่าสีซึมลงไป
ในเนื้อฟันและติดอยู่อย่างนั้นจนเจ้าของฟันจากไป)
ไม่ใช่เพียงแค่เหล่าผู้หญิงจะต้องย้อมแค่นั้น ซามูไรชั้นสูงตามตระกูลต่างๆ ก็นิยมทำเช่นกัน เพื่อช่วยปกปิดฟันที่ผุหรือฟันหลอเวลายิ้มจะได้มั่นใจไม่ต้องเม้มปากไม่กล้ายิ้ม ค่านิยมเรื่องฟันสีนิลของชาวญี่ปุ่นค่อยๆ เริ่มจางหายไปเมื่อมีการเปิดรับวัฒนธรรมจากต่างชาติ "โอฮาคุโร" จึงค่อยๆ เสื่อมความนิยมไปเรื่อยๆ แต่ยังหาดูได้ในงานแสดงทางด้านวัฒนธรรมเป็นครั้งคราว และกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวไปแทนเมื่อมีคนนำไปใส่ในหนังสยองขวัญ หรือ "มังงะ" สยองขวัญ
![]() |
เป็นเรื่องราวผีสาวที่ถูกเจ้าบ่าวชิ่งหนีไปในวันแต่งงานเลยฆ่าตัวตาย และกลายเป็นวิญญาณที่ใบหน้าไม่มีตา จมูก จะมีก็แต่ปากขนาดใหญ่ ที่อัดแน่นไปด้วยฟันสีดำแสยะยิ้มมาดักจับผู้ชายไปอยู่ด้วย (เห็นแล้วทำไมรู้สึกหลอน)
เกร็ดไร้สาระ : ค่านิยมเรื่องการทำฟันให้เป็นสีดำพบมากในเอเชียอาคเนย์ทั้งไทย พม่า เวียดนาม ฯลฯ การทำฟันให้เป็นสีดำในแถบนี้จะเกิดมาจากการเคี้ยวหมากเป็นระยะเวลานาน ฟันใครขาวนี่ถือว่ากลายเป็นคนแปลกในสังคมทันที จนถึงขนาดมีเรื่องเล่าฮาๆ
ในประวัติศาสตร์ว่าในครั้งที่พม่ามาตีกรุงศรีอยุธยา ตอนกวาดต้อนเชลยกลับพม่า ผู้หญิงที่ไม่ถุกทหารพม่าฉุดไปทำเมียก็คือผู้หญิงที่มีฟันขาวเพราะไม่เคี้ยวหมาก
แต่นอกจะเรื่องความสวยความงามแล้วฟันที่ดำเพราะเคี้ยวหมากยังช่วยในการรักษาสุขภาพฟันของคนสมัยก่อนได้ เนื่องจากสมัยก่อนแปรงสีฟันจะทำมาจากกิ่งของ"ต้นข่อย" หรือเปลือกของหมาก นำมาทุบให้ละเอียดแล้วถูๆทาถูกไปที่ฟัน อาจจะไม่ค่อยสะอาด ได้หมากเนี่ยแหละคอยขัดฟันเอาพวกเศษอาหารอะไรออกไปได้