ครบ 132 ปี การระเบิดครั้งร้ายแรงที่สุดของ ภูเขาไฟกรากาตัว
กรากาตัว การระเบิดของภูเขาไฟขนาดยักษ์ที่ใกล้ไทยที่สุดในยุคสมัยของเรา
ตำแหน่งที่ตั้งของกรากาตัว
![]() |
เมื่อ 26-27 สิงหาคม พ.ศ.2426 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เกิดมีการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟในประเทศอินโดนีเซีย และเหตุการณ์นี้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เคยถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์หลายครั้ง นั่นคือการระเบิดของภูเขาไฟกรากาตัวในประเทศอินโดนีเซีย
ภูเขาไฟกรากาตัวตั้งอยู่บนเกาะกรากาตัว ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะสุมาตราและเกาะชวา
ในปี พ.ศ.2426 ภูเขาไฟกรากาตัวเริ่มมีการระเบิดครั้งแรก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม หลังเงียบสงบมานาน พ่นเถ้าถ่านจำนวนมากขึ้นสู่ทท้องฟ้า สมัยนั้นยังไม่มีการตั้งระดับสัญาณเตือนภัยเป็นระดับชั้นต่างๆหรือมีการตรวจสอบว่าถึงเวลาอพยพหรือไม่เหมือนสมัยนี้
กรากาตัวระเบิดรุนแรงขึ้นอีกครั้งในวันที่ 26 สิงหาคม ครั้งนี้ส่งเสียงดังและแสงสว่างไปไกลจนคนบนเรือที่ลอยห่างเกาะถึง 16 กิโลเมตรสามารถมองเห็นได้ หลายคนเริ่มอพยพไปห่างเกาะ แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่คิดว่าจะไม่เกิดอะไรร้ายแรงกว่านี้ จึงยังไม่หนีไปไหน
ภาพแสดงเส้นทางของหินเหลวและแก้สร้อนหรือ Pyroclastic และคลื่นสึนามิ จากการระเบิดของกรากาตัวในปี พ.ศ.2426
เครื่อง barograph สถานีต่างๆในยุคนั้น สามารถตรวจจับแรงอัดอากาศจากการระเบิดนี้ได้ทั่วโลก ผู้คน 3,000 คนในเกาะที่ใกล้การระเบิดที่สุดคือเกาะ Sebesi ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต ผู้คนอีกนับพันชายฝั่งสุมาตราต้องเสียชีวิตเพราะกระแสหินเหลวและแก้สร้อน และคลื่นสึนามิหลายระลอกยังฆ่าคนอีกจำนวนมหาศาล รวมแล้วมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้มากกว่า 36,400 คน
![]() |
เถ้าเขม่าจำนวนมหาศาลรวมทั้งซัลเฟอร์ไดออกไซด์ SO2 ที่พ่นขึ้นสู่บรรยากาศโลกชั้นบน นอกจากบดบังแสงอาทิตย์แล้วยังไปทำปฏิกิริยากับเมฆชั้นเซอรัส ก่อให้เกิดปรากฏการณ์สะท้อนกลับของแสงอาทิตย์หรือ albedo effect ทำให้อุณหภูมิทั่วโลกในปีนั้นเย็นลงถึง 1.2 °C และความผิดปกติต่างๆของภูมิอากาศยังดำเนินติดต่อกันมาอีกหลายปี ตั้งแต่ฝนตกผิดฤดูในอเมริกา เกิดแสงสีแปลกยามอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าในประเทศต่างๆของทวีปยุโรป และอื่นๆ
สำหรับในประเทศไทยได้มีบันทึกของพระองค์เจ้าดิศวรกุมารที่ต่อมาทรงดำรงพระยศเป็นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพกล่าวถึงผลกระทบของการระเบิดของภูเขาไฟกรากาตัวว่า ขณะนั้นผนวชอยู่ที่วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ได้ยินเสียงระเบิดของภูเขาไฟอย่างชัดเจนหลายครั้ง ผู้คนส่วนใหญ่ในกรุงเทพเวลานั้นข้าใจว่าเป็นเสียงปืนใหญ่เพราะกำลังมีความตึงเครียดกับฝรั่งเศส และยังทำให้ท้องฟ้าเป็นสีเขียวตลอดทั้งวันในวันต่อมา สร้างความประหลาดใจให้กับประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก