 |
พบเมืองโบราณแห่งใหม่ในกัมพูชาเก่าแก่กว่านครวัด
ศาสตราจารย์เดเมียน อีแวนส์ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ และคณะ ขณะค้นพบแหล่งปราสาทแห่งใหม่และเสาหินโบราณ.
ศาสตราจารย์เดเมียน อีแวนส์ จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ และคณะ ขณะค้นพบแหล่งปราสาทแห่งใหม่และเสาหินโบราณ.
เอเอฟพี - รายงานระบุว่า เมืองโบราณที่เคยรุ่งเรืองอยู่บนภูเขาของกัมพูชาที่โอบล้อมด้วยม่านหมอกเมื่อ 1,200 ปีก่อน ได้ถูกค้นพบโดยนักโบราณคดีด้วยการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ทางอากาศ
หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอร์รัลด์ ระบุว่า เมืองมเหนทรบรรพต (Mahendraparvata) ที่ประกอบด้วย ปราสาทหลายหลังถูกผืนป่าปกคลุมซ่อนไว้มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ หลายแห่งยังไม่เคยถูกรื้อค้นลักโขมย
นักข่าว และช่างภาพจากหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้เข้าร่วมคณะสำรวจใน “สไตล์อินเดียนา โจนส์” ที่นำทีมโดยนักโบราณคดีที่เกิดในฝรั่งเศส ลุยผ่านดงกับระเบิดที่มีอยู่เกลี่อนป่าใน จ.เสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทนครวัด
คณะสำรวจได้ใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Lidar (Light detection and ranging data) ติดตั้งไว้กับเฮลิคอปเตอร์บินในลักษณะกากบาทเหนือภูเขาลูกหนึ่งทางเหนือของปราสาทนครวัดเป็นเวลา 7 วัน โดยข้อมูลที่ได้จากเครื่องมือนี้สอดคล้องกับงานวิจัยภาคพื้นดินของนักโบราณคดีที่ทำขึ้นนานหลายปี
รายงานระบุว่า เลเซอร์จากเครื่อง Lidar ส่องทะลุยอดไม้ช่วยให้นักโบราณคดีสามารถมองเห็นโครงสร้างที่อยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสมบูรณ์แบบ และสร้างแผนที่เมืองที่การวิจัยภาคพื้นดินไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ นอกจากนั้น ยังช่วยเผยให้เห็นว่าเมืองแห่งนี้เป็นรากฐานของอาณาจักรพระนคร ใน ค.ศ.802 และเผยให้เห็นปราสาทนับสิบหลังที่ยังไม่เคยบันทึกไว้ และหลักฐานของคลอง ฝาย และถนนโบราณ จากการใช้ดาวเทียมนำทางประสานร่วมกับข้อมูลจากอุปกรณ์นี้
ฌ็อง-แบ็บติสต์ เชอวองซ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิโบราณคดีและการพัฒนา ในลอนดอน ที่นำคณะสำรวจครั้งนี้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอรัลด์ ว่า เมืองนี้มีระบุอยู่ในจารึกโบราณที่ว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 มีเมืองหลวงอยู่บนภูเขา แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งจากข้อมูลที่มีได้ แต่ในเวลานี้ คณะรู้จากข้อมูลใหม่ว่าเมืองดังกล่าวเชื่อมต่อกันโดยถนน คลอง และฝาย
การค้นพบนี้จะถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ในสหรัฐฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบนี้สาบานว่าจะเก็บเป็นความลับจนกว่าข้อมูลค้นพบจะถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ
เดเมียน อีแวนส์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทางโบราณคดี ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ในกัมพูชา ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี Lindar กล่าวว่า จากภาพที่ได้แสดงให้เห็นว่าสภาพภูมิประเทศบริเวณดังกล่าวไม่มีการเติบโตของพืชอย่างสิ้นเชิง อาจเป็นผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมจากการตัดไม้ทำลายป่า และการจัดการน้ำที่ไม่ดีจนนำไปสู่การสิ้นสุดของอารยธรรม
อีแวนส์ ระบุว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเมืองมเหนบรรพตมีขนาดกว้างใหญ่เท่าใดเพราะการสำรวจยังครอบคลุมอยู่ในพื้นที่จำกัด และจำเป็นต้องมีทุนมากขึ้นเพื่อขยายการสำรวจ
“บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่พื้นที่ตรงกลางของเมือง ดังนั้น ยังมีงานอีกมากที่จะต้องทำให้สำเร็จในการค้นหาขอบเขตของอารยธรรมนี้” อีแวนส์ กล่าว
“เราจำเป็นต้องอนุรักษ์พื้นที่นี้ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมของเรา” นายจุ๊ก เฟือน (Chuch Phoeun) จากกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา กล่าว
นครวัด ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนยุคอุตสากรรม และจัดให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ที่อำนาจทางทหาร และการเมืองของอาณาจักรเขมรรุ่งเรืองสูงสุด.
.
หนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอร์รัลด์ ระบุว่า เมืองมเหนทรบรรพต (Mahendraparvata) ที่ประกอบด้วย ปราสาทหลายหลังถูกผืนป่าปกคลุมซ่อนไว้มาเป็นเวลาหลายศตวรรษ หลายแห่งยังไม่เคยถูกรื้อค้นลักโขมย
นักข่าว และช่างภาพจากหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ได้เข้าร่วมคณะสำรวจใน “สไตล์อินเดียนา โจนส์” ที่นำทีมโดยนักโบราณคดีที่เกิดในฝรั่งเศส ลุยผ่านดงกับระเบิดที่มีอยู่เกลี่อนป่าใน จ.เสียมราฐ ซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาทนครวัด
รายงานระบุว่า เลเซอร์จากเครื่อง Lidar ส่องทะลุยอดไม้ช่วยให้นักโบราณคดีสามารถมองเห็นโครงสร้างที่อยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสสมบูรณ์แบบ และสร้างแผนที่เมืองที่การวิจัยภาคพื้นดินไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ นอกจากนั้น ยังช่วยเผยให้เห็นว่าเมืองแห่งนี้เป็นรากฐานของอาณาจักรพระนคร ใน ค.ศ.802 และเผยให้เห็นปราสาทนับสิบหลังที่ยังไม่เคยบันทึกไว้ และหลักฐานของคลอง ฝาย และถนนโบราณ จากการใช้ดาวเทียมนำทางประสานร่วมกับข้อมูลจากอุปกรณ์นี้
ฌ็อง-แบ็บติสต์ เชอวองซ์ ผู้อำนวยการมูลนิธิโบราณคดีและการพัฒนา ในลอนดอน ที่นำคณะสำรวจครั้งนี้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิ่ง เฮอรัลด์ ว่า เมืองนี้มีระบุอยู่ในจารึกโบราณที่ว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 มีเมืองหลวงอยู่บนภูเขา แต่ไม่สามารถระบุตำแหน่งจากข้อมูลที่มีได้ แต่ในเวลานี้ คณะรู้จากข้อมูลใหม่ว่าเมืองดังกล่าวเชื่อมต่อกันโดยถนน คลอง และฝาย
การค้นพบนี้จะถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences ในสหรัฐฯ และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการค้นพบนี้สาบานว่าจะเก็บเป็นความลับจนกว่าข้อมูลค้นพบจะถูกประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญ
เดเมียน อีแวนส์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทางโบราณคดี ของมหาวิทยาลัยซิดนีย์ ในกัมพูชา ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี Lindar กล่าวว่า จากภาพที่ได้แสดงให้เห็นว่าสภาพภูมิประเทศบริเวณดังกล่าวไม่มีการเติบโตของพืชอย่างสิ้นเชิง อาจเป็นผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมจากการตัดไม้ทำลายป่า และการจัดการน้ำที่ไม่ดีจนนำไปสู่การสิ้นสุดของอารยธรรม
อีแวนส์ ระบุว่า ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเมืองมเหนบรรพตมีขนาดกว้างใหญ่เท่าใดเพราะการสำรวจยังครอบคลุมอยู่ในพื้นที่จำกัด และจำเป็นต้องมีทุนมากขึ้นเพื่อขยายการสำรวจ
“บางทีสิ่งที่เราเห็นอาจไม่ใช่พื้นที่ตรงกลางของเมือง ดังนั้น ยังมีงานอีกมากที่จะต้องทำให้สำเร็จในการค้นหาขอบเขตของอารยธรรมนี้” อีแวนส์ กล่าว
“เราจำเป็นต้องอนุรักษ์พื้นที่นี้ เพราะเป็นแหล่งกำเนิดวัฒนธรรมของเรา” นายจุ๊ก เฟือน (Chuch Phoeun) จากกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา กล่าว
นครวัด ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกก่อนยุคอุตสากรรม และจัดให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ สร้างขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ที่อำนาจทางทหาร และการเมืองของอาณาจักรเขมรรุ่งเรืองสูงสุด.
.
