ค้นหา

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

ตำนานผีโบกรถ

ผีโบกรถ
เรื่องผีระดับสากลที่แม้แต่ในประเทศไทยก็มีเรื่องเล่าทำนอง “ผีโบกรถ” เช่นนี้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ
เรื่องนี้เริ่มจากชายหนุ่มผู้ใจดีรับหญิงสาวที่โบกรถอยู่ข้างทางขึ้นมาบนรถ หญิงสาวเข้ามานั่งทางเบาะหลังของ คนขับ แต่ระหว่างการเดินทาง ชายหนุ่มชวนพูดคุยเท่าไหร่หญิงสาวก็ไม่คุยด้วยนอกจากบอกจุดหมายปลายทาง สักพัก ชายหนุ่มกลับพบว่าบนเบาะหลังของเขาว่างเปล่า ไม่มีสิ่งใดอยู่ทั้งสิ้นนอกจากผ้าพันคอผืนหนึ่งด้วยความเป็นคนจิตแข็ง ชายหนุ่มข่มความหวาดกลัว ขับรถไปถึงบ้านที่เป็นจุดหมายปลายทางของหญิงสาวในอึดใจต่อมา เขาลงไปเคาะประตูเรียกคนในบ้านมาสอบถามว่าในครอบครัวเคยมีผู้หญิงลักษณะแบบที่เขาเพิ่งพบเจอหรือไม่

“นั่นเป็นวิญญาณลูกสาวผมเองแหละเธอจะปรากฏตัวในจุดที่เธอโดนรถชนเพื่อขอโบกรถกลับบ้านแบบนี้ทุกปีเธอจะทำแบบนี้เฉพาะในวันครบรอบวันตายของตัวเองเท่านั้น ซึ่งมันก็คือคืนนี้พอดี”

ผ้าพันคอที่เจอในรถคือผ้าที่ฝังอยู่กับศพของเธอ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันออกมาจากหลุมฝังศพมาได้อย่างไร...
เรื่องเล่า “ผีโบกรถ” มีนักเขียนมากมายนำไปบันทึกไว้ในหนังสือของตน อาทิ อัลวิน สจ๊วตซ์ ในหนังสือ More Scary Stories to Tell in the Dark หรือที่โด่งดังมากก็คือแจน ฮาโรล์ด บรันแวนด์ ในหนังสือ The Vanishing Hitchhiker ซึ่งตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1981มีการทำละครทีวี รวมถึงการแต่งเพลงเกี่ยวกับผู้โดยสารผู้ลึกลับ (หรือคนขับผีในการดัดแปลงบางฉบับ) ตั้งแต่ยุคทศวรรษที่ 40 เป็นต้นมา โดยเพลงที่โด่งดังส่วนมากมักจะเป็นเพลงคันทรีย์ ร็อกเสียส่วนใหญ่ ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือเพลง Hold On It's Coming ของคันทรีย์ โจ แม็คโดนัลด์ นักร้องนำวงไซเคเดลิก ร็อกยุคบุกเบิก Country Joe and the Fish หรือถ้าอยากฟังแบบทันสมัยขึ้นมาอีกนิดก็ต้อง I Guess It Doesn't Matter Anymore ของวง Blackmore's Night แห่งอดีตมือกีตาร์วง Deep Purple ริชชี แบล็คมอร์ เป็นเพลงที่อยู่ในอัลบั้ม Village Lanterne ซึ่งวางจำหน่ายเมื่อปี ค.ศ. 2006 ลองหาฟังดูนะครับ

รายการบล็อกของฉัน