เรื่องราวต่อไปนี้ ส่วนหนึ่งเก็บมาจากรายการออก อากาศทางสถานีวิทยุของแฟรงค์ เอ็ดเวิร์ด ชื่อ "มหัศจรรย์เหนือวิทยาศาสตร์" ซึ่งเป็นที่นิยมของคนทั่วโลก เป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ แสดงให้เห็นอย่างแน่ชัดว่า ประสาททั้ง 5 ของมนุษย์ไม่สามารถรับรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเราได้ทั้งหมด และก็แสดงให้เห็นอีกว่า วิทยาศาสตร์นั้นไม่มีทางเทียบเท่ากับพลังงานอย่างหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ของมันอย่างแน่นอนไม่ผิดพลาด แม้ว่าจะยังไม่มีใครรู้จักมันก็ตาม
แฟรงค์ เอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า การค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์อย่างจริงจัง เพิ่งจะได้รับการพัฒนามาได้ไม่เท่าไหร่ นับแต่ปี ค.ศ. 1875 เป็นต้นมา แม้วิชาวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่นักวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้ ดังที่ท่านโธมัส เอดิสัน กล่าวถึงความล้มเหลวในการทดลองทางวิทยาศาสตร์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า "มันสอนให้เรารู้ขึ้นอีกมากในสิ่งที่เราไม่รู้มาก่อน และมันก็สอนให้รู้ด้วยว่า เรายังรู้น้อยนักในสิ่งที่คิดว่าเรารู้มากแล้ว"
อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องขอบคุณวิทยาศาสตร์ อยู่นั่นเอง มนุษย์ในปัจจุบัน กำลังเตรียมจะละทิ้งโลก ซึ่งตนเองยังรู้จักไม่พอ เพื่อเดินทางไปสู่จักรวาล ซึ่งยังไม่รู้จักเลยด้วยซํ้า นับเป็นการเสี่ยงที่จะสอนให้พวกเรารู้ว่า ความไม่รู้ของเรา เกี่ยวกับจักรวาลนั้น ใหญ่หลวงเพียงใด และเราควรพอใจ ในความสำเร็จน้อยนิดในโลกนี้ ที่เกิดจากสติปัญญาของตนเอง ไปในเวลาเดียวกันด้วย และต่อไปนี้ก็คือเรื่องอัศจรรย์ที่ แฟรงค์ เอ็ดเวิร์ด รวบรวมไว้
มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ไม่น่าเป็นไป ได้เลยที่อยู่ๆมนุษย์คนหนึ่งก็เดินหายออกไปจากโลก ต่อหน้าต่อตาผู้พบเห็นเหตุการณ์จำนวนไม่น้อย ! ถูกแล้ว มันเหลือเชื่อ แต่ก็เป็นเรื่องจริง ได้มีบุรุษคนหนึ่งหายสาบสูญไปอย่างลึกลับในมิติที่ 4 อันไม่มีใครหยั่งถึง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นด้วยเวลาชั่วพริบตาเดียวในยามบ่ายอันสว่างไสวเจิดจ้าของวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1880 ณ บ้านไร่ของ เดวิด แลง ในเมืองกัลลาติน มลรัฐเทนเนสซี ตัวของเดวิด แลง เจ้าของไร่นั่นเอง ที่หายสาบสูญไปในครั้งนี้
บ้านของแลงเป็นตึกปกคลุมด้วยเถาไม้เลื้อยดูน่ารื่นรมย์ เบื้องหน้าเป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ประมาณ 40 เอเคอร์ ใช้สำหรับเลี้ยงวัว แดดในฤดูร้อนแผดเผาหญ้าในท้องทุ่งจนกลายเป็นสีนํ้าตาลไปหมด กระนั้นทุกอย่างก็ดูแจ่มใสภายใต้ แดดสีทองนั้น บุตรทั้งสองของแลง คือ ยอร์ช อายุ 8 ขวบ และซาร่าห์ อายุ 11 ขวบ นำเอารถลากเทียมม้าไม้ ที่เดวิด แลง ซื้อมาให้จากเมืองแนชวิลล์เมื่อเช้านี้ ออกไปเล่นกันรอบสนามหน้าบ้าน ขณะนั้นเอง นายและนางแลง ผู้เป็นบิดามารดาก็เดินออกมาจากบ้านพอดี
"กลับมาเร็ว ๆ นะคะ เดฟ" มิสซิสแลงบอกสามี "ดิฉันอยากขอให้คุณขับรถพาเข้าเมืองก่อนที่ร้านจะปิดค่ะ" แลงพยักหน้า เดินไปยังรั้วเพื่อข้ามตัดทุ่งไปดูม้าตัวงามของเขา แล้วก็หยุดอยู่ที่รั้วนั้น มองดูนาฬิกาพลางหันมาบอกภริยาอย่างแจ่มใส "ฉันจะกลับมาภายใน 2-3 นาทีนี่แหละ" นั่นคือสัญญากราย ๆ ของเขา แต่เดวิดไม่ได้ทำตามคำพูดนั้นเลย... เขาไม่ได้กลับมาอีกหลังจากกล่าวคำพูดนั้น เป็นประโยคสุดท้าย เพราะได้ประสบชะตากรรมอันยากจะบอกได้ถูก ภายในชั่วเวลา 30 วินาทีเท่านั้น ชะตากรรมที่ไม่มีใครล่วงรู้ แม้เวลาจะผ่านไปนานเท่านานก็ตาม
นางแลงร้องกรี๊ดสุดเสียง ในขณะที่บุตรของนางทั้งสองคนยืนตะลึงจังงังพูดไม่ออก แต่แล้วโดยสัญชาตญาณ ทุกคนออกวิ่งไปยังจุดที่เห็นแลงยืนอยู่เมื่อครู่นี้ ผู้พิพากษาเป็คและน้องเขยซึ่งมากับรถม้ารีบก้าวลงและวิ่งข้ามทุ่งนาไปเกือบจะพร้อม ๆ กัน แต่ทว่าที่นั่นไม่มีอะไรเลย ไม่มีต้นไม้สักต้น หรือแม้แต่พุ่มไม้ หรือหลุมบ่อสักแห่งบนพื้นดินบริเวณนั้น และก็ไม่มีร่องรอยสักอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับเดวิด แลง
พวกผู้ใหญ่พากันออกเดินเที่ยวหาไปทั่วๆบริเวณทุ่งนานั้น แต่ไม่พบอะไร นางแลงเริ่มขวัญเสียจนต้องถูกพาตัวกลับเข้าไปในบ้าน นางร้องกรี๊ดๆไปตลอดทางอย่างน่าเวทนา ต่อมาเพื่อนบ้านที่รู้ข่าวจากระฆังบอกเหตุร้ายช่วยกันแพร่ข่าวต่อไปอีก เพียงชั่วเวลาเข้าไต้เข้าไฟเท่านั้นประชาชน หลายสิบคนก็แห่กันมายังที่เกิดเหตุ ทุกคนถือตะเกียงวอมแวมและช่วยกันออกค้นหาอย่างพลิก แผ่นดินเกือบทุกตารางนิ้วของบริเวณอาถรรพณ์นั้น ทุกคนช่วยกันกระทืบดูตามพื้นแข็งๆ ด้วยความหวังว่าจะได้พบโพรงหรือหลุมบ่อที่แลงอาจตกลงไป แต่ก็ไม่มีโพรงหรือหลุมบ่อใดๆอยู่ในบริเวณนั้นทั้งสิ้น
เดวิด แลง หายตัวไปเสียแล้ว
...สาบสูญไปอย่างประหลาดที่สุดต่อหน้าบุตร ภริยา และต่อหน้าต่อตาชายสองคนในรถม้า ชั่วพริบตาเดียวเขายังยืนอยู่บนพื้น และกำลังเดินตัดทุ่งนาอันสว่างไสวด้วยแสงแดด แต่อีกพริบตาต่อมา เขาก็ล่องหนไปเสียแล้ว !
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ต่างก็มาช่วยกันต้อนผู้คน ผู้อยากรู้อยากเห็นออกไป จากไร่ของครอบครัวแลง ตัวมิสซิสแลงนั้นล้มป่วย ด้วยอาการช็อกจากครั้งเกิดเหตุ คนใช้ทุกคน ยกเว้นแต่คนครัวเก่าแก่พากันลาออกหมด จึงยังคงมีผู้พิพากษา เป็นผู้อารีเท่านั้น ที่คอยดูแลเอาใจใส่ ครอบครัวนี้ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ต่างก็มาช่วยกันต้อนผู้คน ผู้อยากรู้อยากเห็นออกไป จากไร่ของครอบครัวแลง ตัวมิสซิสแลงนั้นล้มป่วย ด้วยอาการช็อกจากครั้งเกิดเหตุ คนใช้ทุกคน ยกเว้นแต่คนครัวเก่าแก่พากันลาออกหมด จึงยังคงมีผู้พิพากษา เป็นผู้อารีเท่านั้น ที่คอยดูแลเอาใจใส่ ครอบครัวนี้ตลอดเวลา
จากการสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์ได้ความว่า ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์ครั้งนั้น กับตาเหมือนๆ กัน ในขณะเดียวกัน และ ณ ที่เดียวกันอีกด้วย พนักงานสอบสวนของอำเภอ ไปตรวจสอบบริเวณอาถรรพณ์นั้น และพบว่า ภายใต้พื้นดินเป็นหินปูนแน่นหนา ปราศจากหลุมบ่อที่จะทำให้ใครตกลงไปได้
ทั้งๆที่หายสาบสูญไปหลายเดือนแล้ว แต่ก็ไม่มีการทำพิธีฝังศพ หรือทำบุญแผ่กุศลไปให้ ผู้ตาย ทั้งนี้ เพราะนางแลงเชื่อมั่นว่าสามีของนางจะต้องกลับมาหานางในสักวันหนึ่งแน่นอน และเขาก็ "กลับ" มาจริงๆเสียด้วย
...แม้จะไม่ได้กลับมาด้วยร่างกายก็ตาม !
เวลาผ่านไป 7 เดือน เหตุประหลาดก็เกิดขึ้น อีกครั้งในยามเย็นอันระอุอ้าวของเดือนเมษายน 1881 นั่นเอง ลูกชายหญิงทั้งสองของเดวิด แลง ออกไปเล่นยังจุดที่บิดาของแกหายตัวไป ณ ที่ซึ่งเคยเห็นเดวิด แลง ยืนอยู่เป็นครั้งสุดท้ายนั้นปรากฏว่ามีหญ้าสีเหลืองงอกขึ้นเป็นวงกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 15 ฟุต เห็นได้ถนัดชัดเจนอย่างประหลาด แล้วซาร่าห์อายุ 11 ขวบ จะนึกอย่างไรขึ้นมาก็ไม่ทราบ แกส่งเสียงเรียกชื่อบิดาขึ้นดัง ๆ
"พ่อคะ พ่ออยู่ที่ไหน?" ทันใดนั้น เด็กทั้งสองก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่มีเสียงตอบอู้อี้ออกมาจริง ๆ
"พ่อคะ พ่ออยู่ที่ไหน?" ทันใดนั้น เด็กทั้งสองก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่มีเสียงตอบอู้อี้ออกมาจริง ๆ
...เป็นเสียงซึ่งเด็กทั้งสองจำได้แม่นยำว่าไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคุณพ่อของแกคนเดียว
...เสียงนั้นดังแผ่วเบาออกมาจากวงกลมหญ้าสีเหลืองนั้น ซํ้าแล้วซํ้าเล่า "ซาร่าห์...ยอร์ช ช่วยพ่อด้วย
...ช่วยด้วย" เสียงเดวิดร้องเรียกให้ช่วยดังออกมาจากมิติที่ 4 อยู่เป็นนาน ในที่สุดก็จางหายไปและหายไปจากมิติธรรมดาที่มนุษย์รู้จักชั่วนิรันดร.